×

ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก กับทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

07.10.2025
  • LOADING...
ทาคาอิจิ

จุดเปลี่ยนสำคัญของญี่ปุ่นเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อ ซานาเอะ ทาคาอิจิ (64 ปี) ชนะเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อ 4 ต.ค. 2025 เปิดทางขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น

 

นักลงทุนไทยต้องทำความรู้จัก เข้าใจนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดทุนญี่ปุ่น เตรียมพร้อมปรับกลยุทธ์การลงทุนตั้งแต่ตอนนี้

 

เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่และนโยบายเศรษฐกิจก่อน

 

ทาคาอิจิ เป็นนักการเมืองที่มีบทบาทหลักในรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ขึ้นเป็นผู้นำด้วยนโยบายกระตุ้นการคลังแบบอนุรักษ์นิยม

 

ทาคาอิจิเป็นนักการเมืองมืออาชีพ ทำงานใกล้ชิดอดีตนายกอาเบะ เคยคุมกระทรวงมหาดไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จุดแข็งคือระเบียบวินัย และความเด็ดขาด เธอยก Margaret Thatcher อดีตผู้นำอังกฤษเป็นแรงบันดาลใจ

 

ส่วนในฝั่งเศรษฐกิจ นโยบายสำคัญประกอบด้วยการกระตุ้นการคลัง สนับสนุน demand-driven inflation และเน้นต่อยอดการกำกับดูแลกิจการในตลาดหุ้น

 

นโยบายหลักที่ทาคาอิจิใช้ในการหาเสียงคือ การลดภาษี ควบคู่ไปกับการให้เงินชาวญี่ปุ่นเพื่อพยุงกำลังซื้อ ตัวอย่างเช่นการสนับสนุนภาษี 0% สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท เช่นอาหารและพลังงาน หรือการให้เงินสนับสนุนเพื่อการใช้จ่ายเพื่อช่วยค่าครองชีพ

 

นโยบายเหล่านี้ ตั้งเป้าหมายไปที่การทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้นจากกำลังซื้อจริง ไม่ใช่จากต้นทุนภาษี โดยมีเป้าหมายหลักคือการฟื้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ก่อนเป้าหมายด้านวินัยการคลัง

 

เมื่อเราเข้าใจเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจจากฝั่งการเมืองแล้ว สิ่งที่ต้องคิดต่อคือนโยบายการเงินและผลกระทบกับตลาดทุน

 

การปรับโครงสร้างนโยบายเหล่านี้ มีแนวโน้มหนุนบอนด์ยีลด์ให้ปรับตัวสูง เงินเยนอ่อนค่า แต่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มตอบรับเชิงบวก

 

ผมประเมินว่า นโยบายเศรษฐกิจของทาคาอิจิ จะต้องผสานกระตุ้นทางการคลัง เข้ากับความร่วมมือของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เหมือนสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

เพื่อผลักดันเงินเฟ้อ กำไรภาคเอกชน และค่าแรงไปพร้อมกัน นโยบายการคลังต้องเร่งเครื่องอย่างหนัก ปริมาณพันธบัตรจะต้องเพิ่มขึ้นมาก มีแนวโน้มหนุนยีลด์ให้ปรับตัวสูง ส่วน BOJ ก็ต้องช่วยด้วยการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ดูแลไม่ให้เงินเยนแข็งค่ามากเกินไป

 

ในฝั่งตลาดทุน แม้ทาคาอิจิอาจไม่ได้ประกาศนโยบายอย่างเฉพาะเจาะจง แต่เชื่อว่าแนวทางของเศรษฐกิจ จะกระทบตลาดทุนในสามเรื่องหลักคือ (1) ผลักดันให้มีโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุน (2) ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI, Quantum, Biotech และ Nuclear เปิดโอกาสให้เกิดบริษัทด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และ (3) ต่อยอดโครงการส่งเสริมสิทธิของผู้ถือหุ้นและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อยกระดับ valuation ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น

 

อย่างไรก็ดี ทุกการเปลี่ยนแปลงมักมีความไม่แน่นอนตามมาเสมอ

 

ประเด็นแรกคือการเมือง ทาคาอิจิ ขึ้นมาในช่วงที่ พรรค LDP สูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสองสภา จำเป็นต้องมีพรรคร่วมและการประนีประนอมมากขึ้น ในอดีตเสถียรภาพทางการเมืองมักสั่นคลอนง่ายในสถานการณ์เช่นนี้

 

สอง คือประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประธานาธิบดี Trump คาดว่าจะมาเยือนโตเกียวปลายเดือนต.ค. ด้วยนโยบายที่อนุรักษ์นิยมมาก อาจต้องระวังเรื่องความร่วมมือด้านความมั่นคง ความสัมพันธ์กับจีนอาจแย่ลง ขณะเดียวกันก็อาจถูกสหรัฐฯ กดดันทางการค้าได้อีก

 

สุดท้าย คือความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจ เพราะต้องไม่ลืมว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศใหญ่ที่มีระดับหนี้ต่อ GDP สูงที่สุดเกินกว่า 255% การผ่อนคลายทางการคลังอาจทำให้ยีลด์และเงินเยนผันผวนหนักถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวตามที่คาด

 

สำหรับนักลงทุนไทย ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับใครที่ยังไม่ได้ลงทุน

 

นโยบายของทาคาอิจิ ส่วนใหญ่เป็นบวกกับตลาดหุ้น โอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทยผ่าน DR ที่น่าสนใจประกอบด้วย

 

NIKKEI80 ลงทุนใน NEXT FUNDS Nikkei 225 ETF (1321 JP) ประกอบด้วยหุ้นญี่ปุ่นอ้างอิงดัชนี Nikkei 225 สัดส่วนล่าสุดมีกลุ่มหลักคือ Semiconductor (17%) โทรคมนาคม (11%) ค้าปลีก (9%) อิเล็กทรอนิกส์ (6%) และเภสัชกรรม (7%) ระดับ P/E 21เท่า เป็นการลงทุนที่ตรงกับนโยบายเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย

 

JAPAN10001 ลงทุนใน Hang Seng Japan TOPIX 100 Index ETF (3410 HK) ประกอบด้วยบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นตามดัชนี TOPIX 100 เป็นกลุ่มธนาคาร (12%) ค้าส่ง (8%) เครื่องจักร (7%) และยานยนต์ (7%) กระจายการลงทุนในหุ้นใหญ่ระดับ P/E ไม่แพงเพียง 16เท่า

 

ส่วน DR หุ้นญี่ปุ่นที่ทำผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้คือ MITSU19 ที่ลงทุนในหุ้น Mitsubishi Heavy Industries (7011 JP) แม้จะมีระดับ P/E 49เท่า สูงกว่าตลาดพอสมควร แต่ธุรกิจอยู่ในธีมพลังงาน ความมั่นคง และโครงสร้างพื้นฐาน ที่มีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนชัดเจนสุดในยุคทาคาอิจิ

 

ผู้นำหญิงคนแรกของมาด้วยสโลแกน ‘Japan Is Back’ สุนทรพจน์ฉลองชัยชนะว่า “ฉันจะทำงาน ทำงาน ทำงาน” แน่นอนว่านี่คือเวลาที่ต้องจับตาเศรษฐกิจและตลาดหุ้นญี่ปุ่นอีกครั้งครับ

 

Screenshot

 

ภาพ: Yuichi Yamazaki – Pool/Getty Images, James Matsumoto/SOPA Images/LightRocket via Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising