วันนี้ (6 ตุลาคม) รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความของ เบนจามิน สมิธ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทรังสิมันต์ ภายหลังถูกอภิปรายพาดพิง พร้อมทั้งยืนยันว่า เป็น เบน สมิธ คนละคนกับที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แบน
รังสิมันต์ระบุว่า จริงๆ มีรูปที่บริษัท เทียน เทียน เวนเจอร์ ประชาสัมพันธ์งาน ก็น่าเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน และสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นคนหยิบยกขึ้นมาเองในที่ประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ไม่ใช่การนั่งเทียนดำเนินการกันไปเอง แต่มีข้อมูลเหล่านี้ยืนยัน
รังสิมันต์ยังแสดงความเป็นห่วงธนดล และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าอาจจะไม่ได้รู้จักคนที่ท่านคิดว่ารู้จักเพียงพอหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมในการฟ้องร้อง
“แต่แหม ถ้าจะทำกันถึงขนาดนี้ ไม่น่าใช้คณะทำงานของท่านธรรมนัสเลย เพราะท่านธรรมนัสเป็นรองนายกรัฐมนตรี ควรจะปกป้องผู้ที่ออกมาทำเรื่องนี้ในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การกระทำของท่านในลักษณะแบบนี้ อาจจะทำให้สังคมยิ่งเป็นห่วงว่า ท่านรองนายกรัฐมนตรี ทำไมอยู่ๆ ต้องกระวนกระวายแบบนี้“ รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์ชี้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อ ร.อ.ธรรมนัส และรัฐบาลนี้เท่าไร แม้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจก็ตาม ส่วนตัวไม่อยากให้คนของรัฐบาล ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนได้ตั้งคำถามด้วยความหวังดีต่อ ร.อ. ธรรมนัส อยากจะเห็นนโยบายในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ถ้า ร.อ. ธรรมนัส กระวนกระวาย กลายเป็นว่าใช้กลไกเครื่องมือของท่าน เพื่อผลประโยชน์ของบางคน จะไม่ส่งผลดีต่อ ร.อ. ธรรมนัส หรือรัฐบาล
“ผมติดว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ชื่อภรรยาของเบนจามิน ดูไม่ยากว่าไปร่ำรวยมาจากไหน ไปซื้อหุ้นหลายบริษัท เส้นทางการเงิน หน่วยงานอย่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ต้องลงไปดู เพราะเราอย่าลืมว่า สถานะของเบนจามินเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และเมื่อมีการดำเนินการเพื่อขอสัญชาติไทย กระทรวงมหาดไทยก็ไม่เซ็นอนุมัติ และมีการส่งให้สันติบาลตรวจซ้ำ ดังนั้น จึงคิดว่า ร.อ. ธรรมนัสต้องทบทวนเหมือนกันว่า หน้าที่ของท่านกำลังทำอะไร
“ผมทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ แต่ท่านธรรมนัสทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของใคร บางทีก็ต้องคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ ผมไม่ได้มีเรื่องส่วนตัวกับท่านธรรมนัส แต่คิดว่าท่านธรรมนัสอาจจะกำลังไม่เข้าใจบทบาทของตัวเองในฐานะรองนายกรัฐมนตรี“ รังสิมันต์กล่าว
สำหรับการท้าให้เปิดหลักฐานนั้น รังสิมันต์กล่าวว่า ตนเองตั้งคำถามว่า ไปรู้จักกับเบนจามินได้อย่างไร ไปนั่งเรือยอชต์ด้วยกัน จึงคิดว่ามีสิทธิที่จะตั้งคำถามลักษณะนี้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอยู่แล้ว
“ผมคิดว่าท่านธรรมนัส ถ้าจะเสียหาย ก็เพราะท่านทำตัวแบบนี้ ไม่ใช่เพราะผมถามท่าน” นายรังสิมันต์ กล่าว
รังสิมันต์ยังฝากถึง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเรื่องของ ร.อ. ธรรมนัส อยู่ภายใต้การนำของอนุทิน การปล่อยให้ ร.อ. ธรรมนัส ไปทำเรื่องเสียหายขู่ฟ้องคนนั้นคนนี้ ไม่ได้ส่งผลดีต่อรัฐบาล การทำงานของตนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
“หากท่านธรรมนัสขู่ฟ้องสื่อมวลชน นักการเมือง ต้องถามกลับไปว่าท่านทำเพื่อใคร ท่านถามว่าผมรับงานใครมา แล้วท่านล่ะรับงานใครมา และผมขอยืนยันว่า นโยบายเริ่มปราบคอลเซ็นเตอร์ควรเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล” รังสิมันต์กล่าว