หลังจากสู้รบกับมลภาวะต่างๆ ภายนอกมาตลอดทั้งวัน การได้เอนกายผ่อนคลายในอ่างอาบน้ำ คลอเสียงเพลงเบาๆ เพื่อคืนความสดชื่นให้กับร่างกาย ก็น่าจะเป็นจุดหมายที่ใครหลายคนใฝ่ฝันถึง
THE STANDARD ขอพาไปย้อนดูจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และความเป็นมาระหว่างมนุษย์กับอ่างอาบน้ำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ย้อนกลับไปช่วง พ.ศ. 500 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งของอารยธรรมโรมันโบราณ หรือจักรวรรดิโรมัน การอาบน้ำและการยกระดับระบบสุขาภิบาลเริ่มกลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น ห้องอาบน้ำสาธารณะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนั้น เนื่องจากค่าเข้าใช้บริการที่ไม่แพงมากนัก (ประมาณ 2 Denarii) และในบางโอกาสอย่างวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ฟรี
บรรดาเศรษฐีในยุคนั้นมักจะสร้างห้องอาบน้ำส่วนตัวเอาไว้ภายในวิลลา โดยห้องอาบน้ำส่วนใหญ่จะใช้อิฐทนไฟหลายล้านก้อนในการก่อสร้าง ก่อนที่จะปูด้วยกระเบื้องโมเสกชั้นดี และตกแต่งผนังด้วยหินอ่อนและรูปปั้น
ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มนุษย์ให้ความสนใจและใส่ใจกับการอาบน้ำ เนื่องจากการอาศัยอยู่ในเมืองขนาดใหญ่นั้น หากไม่รักษาสุขอนามัยให้ดี ก็อาจจะทำให้เกิดโรคระบาดต่างๆ ได้
แต่ทว่าหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ความนิยมในการอาบน้ำก็ถูกแทนที่ด้วยการใช้น้ำหอมแทน
จนกระทั่งใน พ.ศ. 2426 ชาวอเมริกันคนหนึ่งนามว่า จอห์น ไมเคิล โคห์เลอร์ ได้คิดค้นอ่างอาบน้ำอ่างแรกของโลก โดยเขาเกิดไอเดียจากการนำอ่างที่หล่อด้วยเหล็กมาทดลองเคลือบอีนาเมล (Enamel คือสีที่เคลือบเซรามิกบนพื้นผิวโลหะ เช่น ทอง, ทองแดง, เหล็ก, เงิน) และนำมาประดับด้วยขาต่อ 4 ข้าง จากตอนแรกที่เคยเป็นอ่างที่เกษตรกรซื้อไปใช้เป็นรางให้อาหารสัตว์ ก็กลายมาเป็นอ่างอาบน้ำอ่างแรกของโลก
หลังจากนั้นการพัฒนาทั้งในเรื่องของนวัตกรรมและการดีไซน์ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อมาตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในแต่ละยุคสมัย
ปัจจุบันอ่างอาบน้ำต่างก็มีนวัตกรรมที่ช่วยสร้างประสบการณ์ระหว่างผ่อนคลายให้กับผู้ใช้งานมากมาย เช่น ระบบนวดเพื่อช่วยให้ร่างกายคลายความเมื่อยล้า (Whirlpool & Airpool) ระบบม่านน้ำตกที่จะช่วยนวดกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอโดยเฉพาะ (Water Sheet) หรือระบบ Oxyzkin ที่จะช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวผ่านฟองอากาศนับล้าน
ซึ่งหากมองเพียงผิวเผิน อ่างอาบน้ำ Cristina รุ่น Bella อาจจะมีลักษณะภายนอกคล้ายกับอ่างอาบน้ำทั่วไปที่เรามักจะพบเห็นได้ตามโรงแรมต่างๆ แต่ด้วยขนาดที่กะทัดรัดของอ่างอาบน้ำที่มีขนาดเพียง 1,200 x 720 x 580 มิลลิเมตร จึงทำให้อ่างอาบน้ำ Cristina รุ่น Bella สามารถติดตั้งได้กับทุกคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์!
ซึ่งมาพร้อมกับประตูเปิด-ปิดที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นล้มขณะก้าวขาเข้าอ่างอาบน้ำแบบปกติอีกต่อไป ครอบคลุมการใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการพักผ่อนด้วยวารีบำบัด
ภายในอ่างอาบน้ำประกอบด้วยระบบ Airpool Jet ที่ติดตั้งอย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้แรงดันของฟองอากาศขนาดเล็กนับล้านจากระบบ Airpool Jet ช่วยเติมพลังและปรับสมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เป็นอย่างดี สร้างความผ่อนคลายและคืนความสดชื่นให้ร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ
รวมถึงที่นั่งภายในอ่างอาบน้ำที่ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ พื้นที่ภายในอ่างอาบน้ำจึงกว้างขวาง สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และสามารถทำความสะอาดง่าย เนื่องจากมีพื้นผิวที่ไม่ลื่นและไม่เป็นอันตราย สะดวกเข้าใช้งานได้แม้พื้นที่แคบ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความต้องการพิเศษ
หากใครที่คิดว่าการอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือทาวน์เฮาส์ที่มีพื้นที่จำกัดจะไม่สามารถเอนกายในอ่างอาบน้ำได้นั้น เราขอให้เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ อย่าให้พื้นที่มาจำกัดไลฟ์สไตล์อันผ่อนคลายของเรา!
ภาพเปิด: Pretty Woman / IMBD
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- www.cristina.co.th/home/index
- www.ancient.eu/Roman_Baths
- www.vintagetub.com/history–of–bathtubs
- www.aquaticausa.com/blog/a–brief–history–on–the–invention–and–rise–of–the–bathtub
- พิเศษเนื่องในโอกาสวันแม่ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ อ่างอาบน้ำ Cristina รุ่น Bella จัดโปรโมชันลดราคาสูงสุดถึง 50% สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2693 4046–9
Renaissance Hotel Bangkok
Shangri–la Hotel Bangkok
G Hotel Penang
- นอกจากจะโดดเด่นด้านฟังก์ชันของการใช้สอยและเทคโนโลยีแล้ว Cristina ยังร่วมสร้างสรรค์โปรเจกต์กับโรงแรมชื่อดังมากมาย อาทิ Renaissance Hotel Bangkok, Shangri–la Hotel Bangkok, G Hotel Penang ฯลฯ
- จักรวรรดิโรมันไม่ใช่ผู้ริเริ่มวัฒนธรรมการอาบน้ำในศูนย์อาบน้ำครบวงจร หากแต่ลอกเลียนมาจากวัฒนธรรมของชาวกรีกโบราณ โดยชาวกรีกสร้างโรงอาบน้ำจากบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ในขณะที่ชาวโรมันใช้น้ำจากท่อส่งน้ำเป็นหลัก