วันนี้ (4 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดประจำปีงบประมาณที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการต้องชนะยาเสพติดให้ได้อย่างเด็ดขาด
นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงนโยบายเร่งด่วนที่มอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการขจัดยาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรง โดยให้อัปเดต – อัปเกรดการทำงานให้ทันต่ออาชญากรรมยุคใหม่ พร้อมแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ
สำหรับผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามยาเสพติดของ ตร. ในรอบปีที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สามารถจับกุมคดียาเสพติดรวม 265,446 คดี ผู้ต้องหา 265,109 ราย พร้อมของกลางจำนวนมหาศาล ประกอบด้วย:
- ยาบ้า จำนวน 1,083 ล้านเม็ด
- ไอซ์ จำนวน 51,916 กิโลกรัม
- เฮโรอีน จำนวน 11,294 กิโลกรัม
- อายัดทรัพย์สิน จากขบวนการค้ายาเสพติดได้รวมมูลค่าสูงถึง 14,905 ล้านบาท
ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2568 ตร. ได้เร่งปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ สามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดสำคัญได้ถึง 9 คดี จับกุมผู้ต้องหา 16 ราย ยึดของกลาง ยาบ้า 18.25 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 1,488 กิโลกรัม โดยมีคดีสำคัญที่สะท้อนถึงความเด็ดขาดในการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ตั้งแต่ชายแดนจนถึงเมืองหลวง
อนุทินกล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้สะท้อนว่ารัฐบาลให้ความใส่ใจต่อภัยยาเสพติดที่คุกคามประเทศมาโดยตลอด ตนในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสวงหาความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อ บูรณาการ รูปแบบการดำเนินการอย่างเต็มกำลัง โดยพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับขบวนการยาเสพติดทุกส่วน
“สิ่งที่เราทำไป ทั้งการแทรกแซงและปราบปรามของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีผลอย่างมาก อะไรก็ตาม เราต้องมีความสามารถเหนือกว่าผู้ค้าผู้ผลิต เท่าที่จะทำได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พร้อมระบุว่า จากนี้จะมีความร่วมมือระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครองในทุกพื้นที่ เพื่อ ยกระดับ การจัดการปัญหาให้ครบทุกมิติตลอดจนแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม
ด้าน ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และจากนี้ไปจะเป็นการสืบสวนขยายผลโดย บช.ปส. เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิดเพิ่มเติม พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจนี้ โดยสามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดได้ทันทีผ่าน สายด่วนยาเสพติด 191 และสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้าน