วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่ ศาลปกครองสูงสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เดินทางไปยื่นหนังสือถึง ประธานศาลปกครองสูงสุด โดยมีเนื้อหาหลักเรียกร้องให้ดำเนินการ 2 ประเด็นสำคัญ คือ
- ขอให้ยุติการแทรกแซงก้าวก่ายคดี และเลิกประวิงเวลาการพิจารณาคดีของตนเอง
- ขอให้เร่งรัดคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ตนเองโดยเร็ว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้เหตุผลว่า การที่ตนได้ยื่นฟ้องอาญาทุจริตต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ทำให้ประธานศาลปกครองสูงสุด (ประสิทธิ์ศักดิ์) กลายเป็นคู่กรณี ซึ่งย่อมไม่สามารถพิจารณาคดีของตนเองได้อย่างปราศจากอคติและเป็นธรรม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานศาลปกครองสูงสุดมีเจตนาที่จะประวิงคดีเพื่อให้องค์คณะเดิมที่เคยมีมติในคดีของตนเองได้เกษียณอายุราชการไปจนหมด เพื่อที่จะได้ตั้งองค์คณะใหม่เข้ามาล้มมติเดิมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า พฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นการทำลายมติขององค์คณะเดิม ขัดต่อหลักความมั่นคงของคำพิพากษาและหลักความเป็นอิสระของตุลาการ
โดยระบุว่า “คดีของผมมันเดทล็อคแล้ว ไปทำอะไรต่อไม่ได้แล้ว เพราะองค์คณะเกษียณหมดแล้ว องค์คณะที่จะมาทบทวนได้จะต้องเป็นองค์คณะที่นั่งพิจารณาคดีเดิมเท่านั้น องค์คณะใหม่ไม่มีอำนาจ”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้ว่า ทางเดียวที่ถูกต้องตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม คือ ต้องออกคำพิพากษาตามที่มีมติเดิมเท่านั้น
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมดำเนินการทางกฎหมายในสัปดาห์หน้ากับ สิริกาญจน์ ซึ่งเป็นประธานแผนกที่จะมาทำหน้าที่แทน อนุวัฒน์ กรณีที่ไปกล่าวกับเจ้าหน้าที่ศาลคนหนึ่งถึงความไม่ชอบต่อตนเอง ซึ่งผิดหลักรัฐธรรมนูญ เพราะตนเป็นผู้ร้องในคดี
“ผมมีพยานที่จะพร้อมเข้าให้การในกรณีดังกล่าว ดังนั้น วันนี้จะไม่มีการยอมความอีกแล้ว แต่จะเป็นการดำเนินการให้ถึงที่สุดของกฎหมาย เพื่อให้เป็นแบบอย่าง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย