×

เรารู้อะไรบ้าง จากรายงาน New York Times โยงจีนส่งอาวุธให้กัมพูชา ก่อนเหตุโจมตีไทย

02.10.2025
  • LOADING...

กลายเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคมไทย หลัง New York Times เปิดเผยรายงานพิเศษที่ชื่อว่า How Chinese Weapons Transformed a War Between Two Neighbors ซึ่งอ้างอิงข้อมูลข่าวกรองของไทยว่า จีนมีการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กัมพูชาไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุโจมตีทางชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย โดยที่อาวุธบางส่วนถูกใช้โจมตีบ้านเรือน และสังหารประชาชนฝั่งไทยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 

 

THE STANDARD สรุปเนื้อหาในบทความดังกล่าว รวมถึงข้อมูลสำคัญ และความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

 

รายงาน New York Times อ้างข่าวกรองไทย โยงจีนส่งอาวุธให้กัมพูชา ก่อนเหตุปะทะไทย

 

  • New York Times ปูพื้นความขัดแย้งไทย-กัมพูชาครั้งล่าสุด โดยกล่าวถึงความขัดแย้งพื้นที่พิพาทที่ลุกลามกลายเป็น ‘สงคราม 5 วัน’ กินเวลาตั้งแต่วันที่ 24 – 28 กรกฎาคมในช่วงที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า กัมพูชาใช้ยุทธวิธีอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ คือ วางกำลังตามแนวชายแดน พื้นที่พิพาท สร้างถนน และฐานทัพขึ้นมาใหม่ ซึ่งขณะนี้ กำลังยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ)

 

  • ขณะเดียวกัน รายงานอ้างอิงข้อมูลจากข่าวกรองไทยว่า จีนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กัมพูชา ได้แก่ จรวด กระสุนปืนใหญ่ และปืนครก โดยบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ 42 ตู้ และขนส่งด้วยเครื่องบิน Y-20 ไปยังเมืองสีหนุวิลล์ ก่อนจะย้ายไปบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีข้อพิพาท ไม่กี่วันก่อนเหตุปะทะครั้งสำคัญ

 

  • New York Times อ้างอิงรายงานของผู้สังเกตการณ์อื่นๆ เช่น Fortify Rights ที่ประเมินว่า กัมพูชามีการใช้อาวุธเหล่านี้มาโจมตีประเทศไทย เช่น เหตุการณ์โจมตีปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล และบ้านเรือนของประชาชน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนจะกลายเป็นสงคราม 5 วัน ที่ทำให้เกิดการอพยพของผู้คนนับแสน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ชีวิต 

 

  • นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า จีนยังส่งกระสุนของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ราว 700 นัด พร้อมทั้งระบบยิงจรวดลำกล้องอย่าง Type-90B และ PHL-03 ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายนที่ผ่านมา 

 

  • แม้อาวุธจากจีนทำให้กัมพูชามีศักยภาพ ‘ซื้อเวลา’ การสู้รบออกไปได้ แต่ New York Times ระบุว่า ไทยได้แสดงแสนยานุภาพทางทหาร และแก้เกมโต้กลับกัมพูชาด้วยเครื่องบิน F-16 ที่โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ของกัมพูชา

 

  • สำหรับประเด็นการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเอกสารข่าวกรองนั้น ทาง New York Times ได้สอบถามไป 3 ประเทศที่ถูกกล่าวถึงทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพไทยยืนยันว่า ข้อมูลในเอกสารถูกต้องจริง ขณะที่เจ้าหน้าที่อีก 2 รายระบุว่า เป็นเอกสารภายในกองทัพ ทว่ากระทรวงกลาโหมจีนไม่ได้แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด

 

  • ด้านกัมพูชา พลโท รัฐ ดาราโรธ (Rath Dararoth) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ได้ปฏิเสธว่า อาวุธดังกล่าวมาจากจีนจริง หากแต่ระบุว่า เอกสารข่าวกรองเป็นความเข้าใจผิด เพราะการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์เกิดขึ้นในช่วงการซ้อมรบประจำปีจีน-กัมพูชาสิ้นสุดลง 

 

  • อย่างไรก็ตาม New York Times ตั้งคำถามว่า การซ้อมรบของ 2 ชาติสิ้นสุดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม นับเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนมีการขนอาวุธ ซึ่งไม่ใกล้เคียงระยะเวลาตามรายงาน แต่ทางการกัมพูชาก็ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

 

  • ด้านความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลไทย ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าวว่า รัฐบาลจะหารือกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พร้อมรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของกัมพูชา เพื่อประเมินและเตรียมความพร้อมป้องกันประเทศต่อไป

 

นักวิเคราะห์มอง ‘อาวุธ’ จากจีน ตัวแปรสำคัญปะทุความขัดแย้ง

 

  • บทวิเคราะห์ New York Times มองต้นสายปลายเหตุว่า เพราะเหตุใดกัมพูชาจึงเปิดศึกกับไทย โดยเชื่อว่า ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตผู้นำราว 4 ทศวรรษ ต้องการใช้กระแสชาตินิยมกลบฝังความไม่พอใจของประชาชนในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นไปได้ว่า เขาอาจจะขัดแย้งกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไทย ที่มีบุตรสาว คือ แพทองธาร ชินวัตร นั่งเก้าอี้ผู้นำขณะนั้น 

 

  • แต่ถึงอย่างไร อาวุธจากจีนทำให้กัมพูชามีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับไทยในเชิง ‘ยั่วยุ’ มากกว่าครั้งที่ผ่านมา โดย นาธาน รูเซอร์ (Natha Ruser) นักวิเคราะห์จาก Australian Strategic Policy Institute ระบุว่า รายงานข่าวกรองลับครั้งนี้คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ผู้นำกัมพูชาได้วางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลง Status quo ของชายแดนไทย-กัมพูชา 

 

  • รูเซอร์พบหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมว่า กัมพูชามีการเตรียมการต่างๆ เช่น สร้างฐานทัพทางทิศตะวันออกของปราสาทเขาพระวิหาร สร้างถนน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ในปี 2022 พร้อมกับป้อมปราการตามแนวชายแดนเพิ่มขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่

 

  • ฮันกยู อี (Hangyu Lee) ผู้เชี่ยวชาญจาก Armed Conflict Location & Event Data วิเคราะห์สถานะไทย-กัมพูชาในความขัดแย้งว่า กัมพูชามีความกระตือรือร้นในการเสริมสร้างศักยภาพทางทหารมากกว่า ขณะที่ไทยเป็นฝ่าย ‘รับ’ และ ‘โต้กลับ’ เช่น เสริมฐานทัพเดิม สร้างเส้นทางขนบำรุง และติดตั้งปืนใหญ่ ยานเกราะ และเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเท่านั้น

 

  • นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ยังระบุว่า จีนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ฮุน เซน มั่นใจกว่าเดิมว่า ประเทศจะมีสถานะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น​ โดย ราห์มาน ยาคอบ (Rahman Yaacob) นักวิชาการจาก Australian National University วิเคราะห์ว่า จากเหตุการณ์ปะทะทางชายแดน 2 ประเทศในปี 2011 ทำให้กัมพูชามีบทเรียนว่า การขาดแคลนอาวุธคือจุดอ่อน จึงตัดสินใจผูกสัมพันธไมตรีเพื่อพึ่งพาจีนในประเด็นดังกล่าว

 

  • ยาคอบระบุว่า หากเทียบกับเหตุการณ์ 2011 กัมพูชามีความก้าวหน้าด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มาก เพราะมีอาวุธหนัก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้ความขัดแย้งสองประเทศรุนแรงตามไปด้วย 

 

  • หลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า จีนสนับสนุนกัมพูชา คือ ภาพถ่ายทางโซเชียลที่เผยให้เห็น จรวดปืนใหญ่ SHE-40 ขนาด 122 มิลลิเมตร โดย ปีเตอร์ บูคคาร์ต (Peter Bouckaert) ผู้เชี่ยวชาญจาก Fortify Rights ยืนยันว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของจีนจริง

 

  • บูคคาร์ตยังทิ้งท้ายว่า จีนควรไตร่ตรองการให้ความช่วยเหลือกัมพูชาให้ดี โดยย้ำว่า การจัดหาอาวุธให้อีกประเทศสังหารพลเรือนของประเทศเพื่อนบ้านนั้น ไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น

 

ความคิดเห็นจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญไทย

 

  • รศ. ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา วิเคราะห์ประเด็นดังกล่าวผ่าน THE STANDARD ว่า ความช่วยเหลือจากจีนเป็นปัจจัยเสริมทำให้กัมพูชาฮึกเหิม มีความมั่นใจในอาวุธยุทโธปกรณ์ จนกล้ายั่วยุทางทหารกับไทยครั้งใหญ่ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้อาจสัมพันธ์กับการซ้อมรบจีน-กัมพูชา ที่จีนอาจจะขนอาวุธเข้ามา และลำเลียงไปสู่ชายแดนไทยอย่างรวดเร็ว

 

  • อ.ดุลยภาคมองว่า ในมุมของจีนที่ขายอาวุธให้ทั้งไทย-กัมพูชา อาจมองว่า เหตุปะทะสองชาติไม่ใช่ความผิดของตนเองมากนัก หากอ้างอิงจากกรณีอื่นๆ จากหลายประเทศในทำนองเดียวกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การซ้อมรบครั้งนี้ไปเสริมสร้างให้กัมพูชาทำพฤติกรรม ‘เกเร’ ยิ่งขึ้น หากเทียบกับกรณีไทยที่ซื้อ F-16 หรือ Gripen เป็นระยะเวลานาน และใช้เพื่อป้องกันตัวเองแล้ว

 

  • อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งประเด็นถึงบทบาท 2 หน้าของจีน ที่เป็นทั้ง ‘ผู้ไกล่เกลี่ย’ และ ‘ผู้สนับสนุน’ ว่า ในอนาคต จีนอาจจะต้องรอบคอบ และทบทวนจุดยืนครั้งนี้ เพราะกัมพูชาใช้อาวุธทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสันติภาพของภูมิภาค

 

  • ขณะที่ อ.ดุลยภาคยังทิ้งท้ายภาพรวมความขัดแย้งไทย-กัมพูชาว่า บทบาทของจีนจะเข้ามายุ่งเกี่ยวมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวแปรอย่างสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจนอกภูมิภาค รวมถึงบทบาทมหาอำนาจในภูมิภาคอย่าง อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลียในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเห็นได้ว่า จีนลงทุนไปกับความมั่นคงในกัมพูชาเยอะ เช่น ท่าเรือสีหนุวิลล์ ขณะที่กองเรืออินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ พยายามจะเทียบท่า ซึ่งเป็นเหตุให้จีนต้องมีส่วนร่วมเพื่อรักษาอิทธิพลยิ่งขึ้น

 

  • ด้าน อนาลโย กอสกุล นักสังเกตการณ์การทหารและบรรณาธิการเว็บไซต์  thaiarmedforce.com ตั้งประเด็นบนเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า จีนอาจให้อาวุธกัมพูชาในฐานะ ‘ประเทศอารักขา’ ตามปกติ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง กัมพูชาก็อาจใช้เงินซื้ออาวุธจากจีน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การซื้ออาวุธถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาจจะมีช่องโหว่สำคัญ คือ เกณฑ์การซื้อขายอาวุธของจีนต่ำกว่ามาตรฐานตะวันตก และจีนไม่รู้มาก่อนว่า กัมพูชาตั้งใจเปิดฉากความขัดแย้งจริงๆ 

 

  • บรรณาธิการ thaiarmedforce ยังทิ้งท้ายว่า ไทยสามารถใช้ เทคนิค‘ทางการทูต’ ผสมผสานกดดันให้จีนไม่ขายอาวุธให้กัมพูชาได้ เช่น ชี้ให้จีนเห็นว่า อาวุธดังกล่าวถูกใช้สังหารพลเรือนไทย เปรียบเสมือนจีนกำลังการสนับสนุนอาชญากรรมสงคราม ไปจนถึงเสนอผลประโยชน์ที่มากกว่า หรือซื้ออาวุธจากจีนเพิ่มเติม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising