วันนี้ (29 กันยายน) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง 1 วาระคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา สหัสวัต คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายว่า จากการแถลงนโยบายมานั้น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงาน มีเพียงเรื่องของการอัพสกิล รีสกิล โดยการออกนโยบายนี้ออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นเพียงการใส่มาให้ครบ ๆ ประเด็น หรือเป็นการมองที่ขาดวิสัยทัศน์ ซึ่งเห็นด้วยว่า การอัพสกิลรีสกิลแรงงานนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องนี้นั้นไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้ในเวลาเพียง 4 เดือนแน่นอน
สหัสวัตกล่าวต่อไปว่า เรื่องใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน และหาผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน คือ เรื่องของกรมการจัดหางาน ที่ไม่ได้มีการพูดถึงเลย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ไม่คิดจะพูดถึงกัน เป็นเพราะว่าจะหากินกับเรื่องนี้กันต่อหรือไม่ การหากินในกระทรวงแรงงาน นอกจากหากินกับกองทุนประกันสังคมแล้ว กรมการจัดหางานเป็นอีกที่หนึ่งที่ผลประโยชน์มหาศาล จากการเรียกรับผลประโยชน์เก็บส่วยต่างๆ
“ผมเคยอภิปรายเรื่องการส่งออกแรงงานไทยไปแล้ว ที่มีรัฐมนตรีแรงงานที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องในตอนนั้นเอง ก็มานั่งอยู่ในรัฐบาลนี้ แล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ยังจะออกมาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง บอกว่าอัยการสูงสุด ยกข้อกล่าวหานี้แล้ว ทั้งที่คดีที่พูดถึง ไม่เกี่ยวอะไรกับอัยการสูงสุด และคดีนี้ยังอยู่ชั้นสืบสวนในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่ แถมยังไปแก้ต่างให้บริษัทค้ามนุษย์ที่ฟินแลนด์ ที่ศาลตัดสินไปแล้วด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องที่ผิดสัญญา ทั้งเรื่องแรงงานทำงานเกิน แก้ตัวขนาดนี้ อย่าลืมเตรียมไปให้ปากคำที่ฟินแลนด์ด้วย และตำรวจฟินแลนด์กำลังจะมาสืบสวนเรื่องนี้ที่ไทย ซึ่งผมตามเรื่องนี้ต่อแน่นอน” สหัสวัตกล่าว
ส่วนอีกเรื่องที่ว่ากันว่าเป็นแหล่งในการหาผลประโยชน์มหาศาลในกระทรวงแรงงาน ก็คือการนำเข้าแรงงาน ซึ่งก็มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหานี้กำลังหนักขึ้น เพราะการออกนโยบายที่ผ่านมา ของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พิพัฒน์ รัชกิจประการ ของพรรคภูมิใจไทย และตอนนี้ก็อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) นี้เช่นกัน
การนำเข้าแรงงานข้ามชาติมาใช้ในไทย มีอยู่ 4 รูปแบบ คือ
- แรงงานมาตาม MOU คือทางการไทยกับทางประเทศต้นทางทำข้อตกลงร่วมกันให้จัดหาแรงงานมาให้
- การขึ้นทะเบียนขออนุญาตทำงาน คือ คนประเทศต้นทางเข้าไทยมาเอง แล้วมาขอใบอนุญาตทำงาน
- แรงงานเดิมต่ออายุ คือ แรงงานที่เมื่อหมดระยะเวลาก็ต้องต่ออายุ ขอทำงานต่อ
- แรงงานชายแดน ซึ่งเข้ามาทำงานแบบไปกลับบริเวณชายแดน
ภาษีซ้อนจากนโยบาย Pre MOU
สหัสวัตกล่าวว่า ด้วยความที่ประเทศเรามีการใช้แรงงานจากเมียนมามากที่สุด กระบวนการหากินกับแรงงานเมียนมา จึงเป็นเม็ดเงินมหาศาล ที่เกิดการคอร์รัปชันขึ้น และเป็นแหล่งหากินหลักของกระทรวงแรงงาน ซึ่งหน้าที่ของรัฐมนตรีแรงงาน คือต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีรัฐมนตรีแรงงานคนไหนเลย ที่แก้ปัญหาเรื่องนี้เพราะว่ากันว่ารายได้จากส่วยตรงนี้เป็นรายได้ประจำของรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ไม่ว่ามาจากพรรคอะไรก็ตาม
แต่ปัญหานี้หนักขึ้น เมื่อรัฐมนตรีแรงงานของพรรคภูมิใจไทย พิพัฒน์ รัชกิจประการ ไม่เพียงแต่ไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่ยังทำให้ปัญหานี้มันหนักขึ้น ด้วยการออกนโยบายที่ชื่อว่า ‘Pre MOU’
สหัสวัตกล่าวถึงที่มาที่ไปของระบบที่เรียกว่า Pre MOU ว่า ปัจจุบันเอามาใช้กับการต่ออายุแรงงานข้ามชาติ ซึ่งอ้างว่าจะเอามาแก้ปัญหา เอามาทำให้สะดวกสบายขึ้น เพราะช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องการเมืองในเมียนมา เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไปสแตมป์ VISA ที่เมียนมา แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับยุ่งยากขึ้นมหาศาล เพราะเอาการต่ออายุธรรมดา ที่ปกติมีแค่ 3-4 ขั้นตอน เพิ่มไปอีกรวมเป็น 8 -9 ขั้นตอน และมีปัญหาในการจัดการ เช่น โรงพยาบาลไม่รับรองทั้งที่เป็นโรงพยาบาลตามรายชื่อที่กรมการจัดหางานประกาศออกมาเอง หรือต้องซื้อประกันเพิ่มขึ้นอีก 3 เดือน มีค่าใช้จ่ายในการจองคิวที่เซเว่น การต้องเดินทางไปกลับ ตม. หลายรอบ ทำให้ทั้งเสียเวลา และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 6,000 บาทต่อคน
“ขั้นตอนที่เป็นปัญหามาก ๆ คือ การพิสูจน์สัญชาติ หรือศูนย์ CI คือการพิสูจน์ว่า นาย A เป็นชาวเมียนมาจริงหรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะใช้ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนใหม่ แต่นี่เอามาใช้กับการต่ออายุ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย เพราะแรงงานต่ออายุเหล่านี้ เราได้ทำการพิสูจน์สัญชาติไปแล้วเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ไปหมดแล้ว” สหัสวัตกล่าว
‘พิพัฒน์’ อดีต รมว. แรงงาน ในฐานะผู้ออกนโยบาย
ทั้งนี้ หลังปี 2564 เมื่อมีการรัฐประหารในเมียนมาเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น คือคนเมียนมา ทะลักเข้ามาไทยมาหาหางานทำ เพราะที่บ้านอยู่ไม่ได้แล้ว พอถึงปี 2566 รัฐบาลทหารเมียนมา จึงมีกระบวนการพูดคุยรัฐบาลไทยจนนำมาสู่การออกขั้นตอน Pre MOU โดยพิพัฒน์เป็นคนรับรองให้เกิดสิ่งนี้ เพื่อเอื้อให้รัฐบาลทหารเมียนมา ทำ 3 อย่าง
- คือหาเงินให้รัฐบาลทหารพม่าไปใช้ทำสงครามในประเทศ
- คัดกรองคนที่เผด็จการเห็นว่าไม่ใช่พวกตัวเอง เช่น คนมุสลิม คนชนกลุ่มน้อย คนที่ต่อต้านเผด็จการ
และ 3. เพื่อเกณฑ์ทหาร แล้วรัฐบาลทหารพม่าจะทำเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร นวัตกรรมของเรื่องนี้คือให้ไปทำในศูนย์ CI หรือศูนย์พิสูจน์สัญชาติ พูดง่าย ๆ ก็คือให้รัฐบาลทหารพม่าเข้ามาทำพิสูจน์สัญชาติในประเทศไทยโดยอ้างว่าเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกต่อนายจ้างลูกจ้าง ไม่ต้องกลับประเทศเพื่อไม่ต้องลงรายละเอียดมาก
“พรรคผมเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคประชาชนพม่า แล้วพรรคท่าน ปล่อยให้คนไทยโดนเรียกสินบน ปล่อยให้รัฐบาลทหารพม่ามาใช้อำนาจอธิปไตยทางภาษีของตัวเองในประเทศเรา แล้วแบบนี้คืออะไร พรรคท่านมักจะอ้างคำว่ารักชาติ แต่นี่คนในชาติโดนเอาเปรียบจากต่างชาติแบบนี้ มันรักชาติแบบไหน“ สหัสวัต ล่าว
สหัสวัตถามเรื่องนี้ไปยังอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี หากรัฐบาลชุดนี้นำสิ่งนี้ไปทำต่อ ก็จะยิ่งเป็นการยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยเองช่วยรัฐบาลทหารพม่ามาเก็บหัวคิวคนไทย และอนุญาตให้ต่างชาติมาใช้อำนาจในการเก็บภาษีบนแผ่นดินไทยจริง ๆ
สหัสวัตกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีแรงงานจากพรรคภูมิใจไทย ในฐานะที่ตอนนี้กำกับดูแลรัฐบาลนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาแค่กับฝั่งเมียนมา แต่เราก็พบปัญหาคล้ายๆ กันในกระบวนการนำเข้าแรงงานจากฝั่งกัมพูชา ตนเองได้รับข้อมูลว่ามีการเรียกเก็บเงินนายจ้างเพื่อที่จะสามารถขอใช้แรงงานกัมพูชา โดยปกติการใช้แรงงานกัมพูชา จะมีการยื่นขออนุญาตใช้แรงงาน คือ จะต้องมีการยื่นรายชื่อแรงงาน หรือ Name List ก่อนเพื่อขออนุมัติ ซึ่งจะให้นายจ้างยื่นไปผ่านทางเว็บไซต์ของกรมการจัดหางานของไทย แต่ทางไทยไม่ได้มีอำนาจการอนุมัติรายชื่อเป็นฝั่งกัมพูชาที่เป็นคนอนุมัติ บนเว็บไซต์และระบบของไทย โดยมีคนแจ้งว่าเมื่อยื่นไปแล้ว จะมีคนโทรมาแจ้งว่า จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 2,500 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน เป็นค่าอนุมัติ
ทั้งนี้ มีการยื่นเรื่องนี้เข้าสู่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจอเส้นทางเงินส่วยหัวคิว ว่ามีการโอนเข้าบัญชีม้าต่างๆ ไปเป็นทอดๆ จนถึงบัญชีส่วนตัวของข้าราชการระดับสูงในกัมพูชา นอกเหนือจากนั้น เงินที่ไปถึงบัญชีที่กัมพูชาแล้ว ได้ไหลกลับมาที่บัญชีของคนไทย แล้วจากนั้นก็ถูกถอนออกมาเป็นเงินสด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกส่งต่อไปให้ใคร จะส่งไปถึงในกระทรวงหรือไม่ก็ยังไม่ทราบเช่นกัน
“พรรคภูมิใจไทย ที่มักอวดอ้างคำว่า รักชาติ จะรักษาผลประโยชน์ชาติ ตอบในสภาแห่งนี้ทีแบบชัดๆ ที ว่าจะไม่ปล่อยให้มีการหาผลประโยชน์แบบนี้ขึ้นในกระทรวงแรงงานอีก จะไม่ปล่อยให้ต่างชาติมาเอาเปรียบคนไทยอีก อย่าเป็นความรักชาติแบบปิดๆ เปิดๆ จะรักเมื่อตัวเองได้ประโยชน์ พูดออกมารับปากในสภาแห่งนี้ และแสดงความจริงใจออกมา โดยยกเลิกนโยบาย Pre MOU ก่อนเลย” สหัสวัตกล่าว