ราคาทองคำโลกทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) อีกครั้ง โดยพุ่งทะลุระดับ 3,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ในช่วงเปิดตลาดวันนี้ (29 กันยายน) ขณะที่ราคาทองคำในประเทศล่าสุดช่วงเวลา 14.06 น. ก็พุ่งทำสถิติใหม่เช่นกันที่ระดับ 58,300 บาทต่อบาททองคำ
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 45% ขณะที่ราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นราว 57% หรือเพิ่มขึ้น 15,900 บาท
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าการปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเสี่ยงที่รุมเร้า ทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องปิดทำการชั่วคราว (Government Shutdown) ในสัปดาห์นี้
โดยราคาทองคำแท่ง (Bullion) ปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 1.4% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,812.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำลายสถิติสูงสุดที่เพิ่งทำไว้เมื่อวันอังคารที่แล้ว และเป็นการปิดบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ขณะที่โลหะมีค่าอื่นๆ เช่น แร่เงิน, แพลทินัม และแพลเลเดียม ก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในขณะนี้คือความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ โดยผู้นำระดับสูงของสภาคองเกรสและ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดจะเข้าประชุมในวันนี้ (29 กันยายน) เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น ก่อนที่งบประมาณของรัฐบาลกลางจะหมดอายุลงในวันอังคาร
ภาวะชะงักงันทางการเมืองได้สร้างความกังวลว่าอาจเกิด Government Shutdown ซึ่งจะคุกคามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ รวมถึงรายงานตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์นี้ และได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ซึ่งทำให้ทองคำมีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ หากตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ก็จะยิ่งสนับสนุนเหตุผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำคัญสำหรับทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของเฟด หนุนสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกเหนือจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจแล้ว ความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการกดดันและแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด โดยเฉพาะกรณีการสั่งปลด ลิซา คุก หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ก็ได้สร้างความกังวลอย่างหนักต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์จาก Barclays Plc. ระบุในบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เฟดอาจสูญเสียความเป็นอิสระ ราคาทองคำในปัจจุบันยังดูไม่สูงเกินไปนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ “สิ่งนี้ทำให้ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่มีคุณค่าอย่างน่าประหลาดใจ”
การทะยานขึ้นของราคาทองคำในปีนี้ยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาว ทั้งการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากสกุลเงินดอลลาร์ และการที่ปริมาณการถือครองในกองทุน ETFs ทองคำอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยธนาคารชั้นนำอย่าง Goldman Sachs และ Deutsche Bank ต่างคาดการณ์ว่าการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำจะยังคงดำเนินต่อไป
โลหะมีค่าอื่นร้อนแรงไม่แพ้กัน
ขณะเดียวกัน ตลาดโลหะมีค่าอื่นๆ ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน โดย แร่เงิน (Silver) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011, แพลทินัม (Platinum) ซื้อขายเหนือ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 และ แพลเลเดียม (Palladium) ก็ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากภาวะอุปทานที่ตึงตัวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และความกังวลว่ากลุ่มโลหะแพลทินัมอาจถูกรวมอยู่ในการสอบสวนมาตรา 232 ของทรัมป์เกี่ยวกับแร่ธาตุสำคัญ ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม
อ้างอิง: