วันนี้ (29 กันยายน) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ว่า เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่ปฏิบัติตามบทเฉพาะกาล โดยตั้งโจทย์ตรวจสอบ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ตัวนโยบายที่แม้จะเขียนได้ดีครอบคลุม แต่จะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ในเวลา 4 เดือน 2. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารนโยบาย ซึ่งอาจทำให้การดำเนินงานเป็นโมฆะ และ 3. โอกาสของประชาชนที่อาจสูญเสียไปจากนโยบายของรัฐบาลชุดนี้
ประเด็นสำคัญที่ นพ.ชลน่าน เน้นย้ำคือกรอบเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภา ว่า ไม่ใช่การเข้ามาเพื่อบริหารประเทศในระยะสั้น แต่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเอื้อประโยชน์ทางการเมือง โดยย้ำว่า รัฐบาลจะใช้เวลา 4 เดือนนี้ในการ ดึง ถ่วง และยื้อคดีที่เป็นปัญหาอยู่ ทำให้ 4 เดือนที่จะนำมาซึ่งการยุบสภา อาจกลายเป็น 4 เดือน แห่งการยุบคดี ซึ่งเป็นกลไกที่แยบยล เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสืบทอดอำนาจในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
4 หายนะ รัฐบาลหนูเน
นพ.ชลน่าน ยังได้เตือนถึง 4 หายนะ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ 1. หายนะทางประชาธิปไตย ที่ในระบบเลือกตั้งจะได้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือ สส. ที่ประชาชนไม่ได้ตัดสินใจ เพราะมีการเหมายกเข่ง ซื้อยกหน่วย 1,000-2,000 บาท 2. หายนะด้านความโปร่งใสและนิติธรรม จากการเข้ามาของผู้มีลักษณะผูกขาดตำแหน่งและซึ่งรัฐมนตรีบางคนมีแผล มีกรรมเก่าในอดีต 3. หายนะด้านการบริหารจัดการประเทศ และ 4. หายนะทางโอกาสของประชาชน โดยยกตัวอย่างการยกเลิกนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสของคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงนโยบายหลายอย่างที่สามารถทำในช่วง รัฐบาลเพื่อไทย 2 ปีที่ผ่านมา แต่โดนปัดตกหมด
“หลายคนขนานนามว่ารัฐบาลอนุวิน ผมไม่รู้ว่าเขามาจากอะไร รัฐบาลเนทิน หรือรัฐบาลหนูเน นั่นหมายความว่านายกรัฐมนตรีของท่านไม่ได้ใช้อํานาจบริหารที่แท้จริง” นพ.ชลน่านกล่าว
นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเชื่อว่ามีแผนการที่จะทำให้ได้มาซึ่ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากสีน้ำเงิน
“อดีตอธิบดีกรมที่ดินออกมาแถลงชัด ซึ่งถือว่าแยบยลมาก เพราะแถลงในนามรัฐบาลรักษาการจะได้ไม่มาแปดเปื้อนท่าน ถือว่ายุทธศาสตร์ทางการเมืองของท่านลึกล้ำจริงๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าออกจากสมองใคร แต่ยกย่องให้จริงๆ ยอมเป็นลูกศิษย์ยอมกราบ”
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า “ถ้าจะเป็นผู้นําจิตวิญญาณที่อยู่ด้านหลัง ผู้นําจิตวิญญาณสีน้ำเงิน ผู้นําจิตวิญญาณแดง ผู้นําจิตวิญญาณส้ม หมายเลข 1 ฉลาดปราดเปรื่องหลักแหลม 4 เดือนที่ท่านทํา ท่านจะได้ 4 ปี และท่านจะกินรวบประเทศไทย อํานาจ สว. เป็นของพรรคสีน้ำเงิน อํานาจ สส. เป็นสีน้ําเงิน อํานาจองค์กรอิสระเป็นสีน้ำเงิน อํานาจราชการเป็นสีน้ําเงิน ทั้งประเทศน้ําเงินทั้งหมด”
นพ.ชลน่าน ยังย้ำด้วยว่า การนำสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีสถาบันอันเป็นที่เคารพมาใช้ทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่บังควร และเรียกร้องให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
30 บาทรักษาทุกที่ อนุทินทำไม่ใช่ชลน่าน
จากนั้น อนุทินได้ลุกขึ้นชี้แจงตอบโต้การอภิปรายของ นพ.ชลน่าน โดยยืนยันว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของตนทำได้ สิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในคำแถลงนโยบายของตนเป็นสิ่งที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว และ ครม. ล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์ที่คุณสมบัติครบถ้วนซึ่งตนคัดเลือกมากับมือ พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะบริหารประเทศอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และจะวางรากฐานประชาธิปไตย พร้อมย้ำว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่มีใครมาบงการได้ ตัดสินใจเองคิดเอง
อนุทินยอมรับการเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจที่มีเวลาทำงาน 4 เดือน โดยประกาศจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม อย่างแน่นอน และย้ำว่าภารกิจของรัฐบาลชุดนี้คือ เข้ามาแก้ไขความเสียหายของประเทศที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่แล้วมา โดยจะใช้เวลา 4 เดือนนี้เรียกคืนเกียรติภูมิของประเทศ เศรษฐกิจ และขวัญกำลังใจของประชาชนกลับคืนมาให้ได้
อนุทินกล่าวอ้างถึงผลงานสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกล่าวว่า 30 บาทรักษาทุกที่ อนุทินเป็นคนทำไม่ใช่ชลน่าน และเสียดายที่นโยบายฟอกไตฟรีไม่ถูกสานต่อ ซึ่งรัฐบาลนี้จะกลับมาผลักดันให้สำเร็จภายใน 2 เดือน นอกจากนี้ยังได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อตัว สส. โดยระบุว่าตัวเลขที่กล่าวอ้างเป็นเลขอัปมงคล และคนที่ทำไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
ยกคำทักษิณ ใช้ในครม.
อนุทินยังได้ยกคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร มาตอกย้ำหลักการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่า “ผู้แพ้จะเห็นปัญหาในทุกทางออก ผู้ชนะจะเห็นทางออกในทุกปัญหา” และยืนยันว่าตนและ ครม. ทุกคนจะยึดแนวทางอย่างหลังนี้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งแตกต่างจากแนวทางของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยในหลายนโยบาย เช่น เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หรือ คาสิโนซึ่งเป็นเหตุให้พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ภายหลัง นพ.ชลน่าน ได้ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิงเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และตนในฐานะรัฐมนตรีได้ดำเนินงานตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ส่วนกรณีที่ถูกอ้างถึงในที่ประชุม ครม. สมัยนายกรัฐมนตรีทักษิณนั้น นพ.ชลน่านชี้แจงว่าตนเป็นเพียงเลขานุการรัฐมนตรี ไม่เคยมีสิทธิ์เข้าไปนั่งในห้องประชุม ครม. แต่อย่างใด