“ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท Galaxy Entertainment Group ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยมาโดยตลอด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ทำให้ทางบริษัทต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ” เควิน เคลย์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายแบรนด์ กาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้คาดหวังกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่กำลังมองไปที่การเลือกตั้งครั้งหน้า หากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้ร่วมลงทุนกัน เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตขึ้น
เควิน ยังให้ข้อมูลถึงภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะจากภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ลดลงถึง 9.5% และ 25.9% ตามลำดับ แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา และเอเชียใต้เติบโตขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยต่อการลดลงของนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักได้
สถานการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยมีการเติบโตที่ต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในเอเชีย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายด้าน เช่น สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทาง, การแข่งขันที่รุนแรง, ความกังวลด้านความปลอดภัย และค่าครองชีพในประเทศไทยที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างมาเก๊า, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เวียดนาม, และสิงคโปร์ ซึ่งกลับมาเติบโตและฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังช่วงโควิด โดยเฉพาะเวียดนามที่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูงได้เพิ่มขึ้น
และแม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้า แต่ยังขาดความชัดเจนในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในระยะยาว จึงจำเป็นต้องลงทุนสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่งในภูมิภาค โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวแห่งอนาคต และจะต้องมีการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดกาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย จึงได้ลงทุนเป็นผู้สนับสนุนหลักในการนำคอนเสิร์ตใหญ่ระดับโลกอย่าง Jackson Wang MAGICMAN 2 WORLD TOUR 2025 – 2026 มาจัดขึ้นที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเดือนตุลาคม 2568 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า กรุงเทพฯ ก่อนจะไปจัดต่อที่กาแล็กซี อารีน่าในมาเก๊า
“การจัดงานในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเร่งการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและการสร้างงาน แต่ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงเข้าประเทศได้ด้วยเช่นกัน”
เควิน เปรียบเทียบว่า การจัดคอนเสิร์ตหรืออีเวนต์ระดับโลกไม่ต่างจากการลงทุนเพื่อสร้างแบรนด์ให้กับประเทศ ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างของประเทศสิงคโปร์ ที่ได้ทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อดึงศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ เข้าไปแสดง ซึ่งส่งผลให้สิงคโปร์เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางอีเวนต์ระดับโลก และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าประเทศ
โดยแนวคิดนี้สะท้อนว่า หากประเทศไทยต้องการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยว การจัดอีเวนต์ระดับโลกถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ โดยหากภาคเอกชนเริ่มก่อน ภาครัฐก็ควรเข้ามาร่วมสนับสนุนเพื่อผลประโยชน์ที่กลับคืนสู่ประเทศโดยตรง
และยังสามารถรองรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เน้นการพักผ่อนทั่วไป กลายเป็นการเดินทางเพื่อเข้าร่วมคอนเสิร์ตและอีเวนต์กันมากขึ้น
นอกจากนี้เพื่อให้แผนพัฒนาการท่องเที่ยวสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ในฐานะภาคธุรกิจเอกชน กาแล็กซี รีสอร์ต ประเทศไทย ต้องการเห็นวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในอีก 5-10 ปีข้างหน้า และพร้อมที่จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวหากได้รับโอกาสในการทำงานร่วมกับภาครัฐ
และถึงแม้จะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แต่อยากขอเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานกลาง เข้ามาดูรายละเอียดของโครงการ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และร่วมหารือกันใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม 2.การกำหนดมาตรการป้องกันการฟอกเงินและปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต