×

7 เทคนิคขอสินเชื่อบ้าน ผ่านฉลุยอนุมัติเร็ว

21.09.2025
  • LOADING...

การตามหาบ้านที่ถูกใจ อาจจะไม่ยากเท่าการยื่นกู้บ้านให้ผ่าน เพราะหากเตรียมตัวไม่ดีก็อาจทำให้เสียเวลา หรือที่แย่กว่านั้นคือถูกปฏิเสธสินเชื่อ เพราะฉะนั้นการเข้าใจว่าสถาบันการเงินพิจารณาสินเชื่ออย่างไรและการเตรียมตัวที่ดีที่ตรงจุดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้ง่ายขึ้น 

 

ธนาคารพิจารณาปัจจัยอะไรเพื่ออนุมัติสินเชื่อ

 

ปัจจัยหลักที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อสามารถสรุปได้เป็น 4 ข้อหลักๆ หรือที่เรียกว่า “4C”

 

  1. ความสามารถในการชำระหนี้ (Capacity): ธนาคารจะประเมินจากรายได้และภาระหนี้สินในปัจจุบันของเรา เพื่อดูว่าเรามีรายได้เพียงพอที่จะผ่อนชำระหนี้ใหม่ได้หรือไม่
  2. อุปนิสัยทางการเงิน (Character): พิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ของเราจากข้อมูลเครดิตบูโร หากมีประวัติดี ไม่เคยผิดนัดชำระ ก็จะเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ
  3. เงินทุน (Capital): ดูจากเงินออมหรือสินทรัพย์ที่เรามี เช่น เงินดาวน์สำหรับซื้อบ้าน การมีเงินทุนสำรองที่มั่นคงจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับธนาคาร
  4. หลักประกัน (Collateral): ธนาคารจะพิจารณามูลค่าของทรัพย์สินที่นำมาค้ำประกัน เช่น บ้านหรือที่ดิน ว่ามีมูลค่าเพียงพอต่อวงเงินสินเชื่อที่ขอหรือไม่

 

เทคนิคเตรียมกู้บ้านให้ได้อนุมัติไว

 

เพื่อให้กระบวนการขอสินเชื่อราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีบางเทคนิคที่จะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อบ้านเป็นไปได้ไวขึ้น 

 

1. สร้างประวัติการทำงานที่มั่นคง

 

ธนาคารและสถาบันการเงินจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของเราเป็นอันดับแรก ซึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความมั่นคงของรายได้ 

 

หากมีประวัติการทำงานที่ชัดเจน เช่น ทำงานประจำในบริษัทเดียวกันมาเป็นระยะเวลานาน (อย่างน้อย 1-2 ปี) จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้ดีกว่าคนที่เปลี่ยนงานบ่อย ๆ และช่วงที่กำลังขอสินเชื่อก็ยังไม่ควรลาออก การว่างงานจะทำให้อนุมัติสินเชื่อยากขึ้น

 

และหากคุณเป็นเจ้าของกิจการ ควรแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอของรายได้และผลประกอบการที่เป็นบวกอย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อให้ธนาคารมั่นใจว่าคุณมีกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการผ่อนชำระในระยะยาว

 

2. ลดภาระหนี้สินให้เหลือน้อยที่สุด

 

ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อบ้าน ควรเคลียร์หนี้สินอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถยนต์ 

 

โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะพิจารณาจาก อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio: DTI) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ใช้ประเมินว่ารายได้ของเราถูกนำไปใช้เพื่อชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน หากภาระหนี้เดิมที่ยังค้างอยู่สูงเกินไป อาจทำให้ธนาคารมองว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้บ้านได้ไม่เต็มที่และอาจมีโอกาสผิดนัดชำระได้ในอนาคต

 

เช่น เรามีรายได้ต่อเดือน 50,000 บาท และ ภาระหนี้สินรวมต่อเดือน (เช่น ผ่อนบ้าน, ผ่อนรถ, ค่าบัตรเครดิต) 15,000 บาท

 

คำนวณ DTI = (15,000 บาท ÷ 50,000 บาท) x 100 = 30%

 

หมายความว่า ทุกๆ รายได้ 100 บาท จะถูกนำไปเป็นค่าภาระหนี้สิน 30 บาท ซึ่งโดยทั่วไป DTI ประมาณ 30-40% ถือเป็นเกณฑ์ที่ปลอดภัย

 

3. ออมเงินและชำระหนี้ตรงเวลา

 

วินัยทางการเงินเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ เราควรเริ่มต้นจากการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการเงินของเรา และยิ่งถ้าเรามีเงินมาวางดาวน์สูงๆ ก็จะช่วยประหยัดยอดผ่อนบ้านในอนาคตได้

 

นอกจากนี้ การชำระหนี้ตรงเวลา ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือค่าผ่อนรถยนต์ จะช่วยสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ธนาคารใช้ประกอบการพิจารณา ยิ่งประวัติการชำระหนี้ของเราดีเท่าไหร่ โอกาสในการอนุมัติก็จะยิ่งสูงขึ้น

 

4. ตรวจสอบเครดิตเรตติ้ง (Credit Rating)

 

ก่อนยื่นขอสินเชื่อควรไปตรวจสอบ ประวัติข้อมูลเครดิตบูโร (เครดิตเรตติ้ง) ของเรากับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลประวัติการเงินของเราถูกต้อง

 

การตรวจสอบด้วยตัวเองจะช่วยให้เราทราบสถานะการเงินของตัวเองและแก้ไขข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เช่น หากมีหนี้ที่ไม่ได้ก่อขึ้นแต่ปรากฏในระบบ เราสามารถแจ้งเรื่องเพื่อแก้ไขได้ทันที ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้ธนาคารได้รับข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดและไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการขอสินเชื่อ

 

5. หลีกเลี่ยงการยื่นขอสินเชื่อพร้อมกันหลายแห่ง

 

การยื่นขอสินเชื่อบ้านพร้อมๆ กันหลายๆ แห่งอาจส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิตได้ เพราะธนาคารแต่ละแห่งที่ได้รับคำขอจะทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของเรา และการตรวจสอบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้ธนาคารมองว่าเรากำลังมีความต้องการเงินที่สูงผิดปกติและอาจมีความเสี่ยงที่จะก่อหนี้เกินตัว

 

ทางที่ดีควร ศึกษาเงื่อนไขและโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารอย่างละเอียด และเลือกธนาคารที่เหมาะสมที่สุดเพียง 2-3 แห่งเท่านั้นเพื่อยื่นขอสินเชื่อ

 

6. พิจารณาการกู้ร่วม

 

หากรายได้ของตัวเราคนเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อ ลองพิจารณาการ กู้ร่วมกับคนในครอบครัว ที่มีรายได้มั่นคง เช่น คู่สมรส พ่อแม่ หรือพี่น้อง การกู้ร่วมจะช่วยรวมรายได้ของผู้กู้ทุกคน ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นและมีโอกาสได้รับอนุมัติในวงเงินที่สูงขึ้นได้ 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้กู้ร่วมทุกคนควรพิจารณาความพร้อมและความสามารถในการชำระหนี้ร่วมกันอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ

 

7. เปิดเผยและซื่อสัตย์

 

ข้อมูลที่ให้แก่ธนาคารควรเป็น จริงและครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายได้, ภาระหนี้สิน, หรือประวัติการทำงาน การปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังและอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สินเชื่อไม่ได้รับการอนุมัติ การเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับธนาคารและทำให้การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่น

 

การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้การขอสินเชื่อบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้นและเพิ่มโอกาสในการอนุมัติที่รวดเร็ว หากเตรียมตัวตามเทคนิคเหล่านี้แล้ว การเป็นเจ้าของบ้านในฝันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

ภาพ: beast01/Getty Images 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising