25 ปีก่อน ชื่อของ โชเซ มูรินโญ ยังไม่ใช่ “The Special One” อย่างที่โลกคุ้นเคย แต่คือกุนซือวัย 37 ปี ที่ได้รับโอกาสครั้งแรกในชีวิตกับสโมสร เบนฟิกา ทีมดังของโปรตุเกสที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ
ตอนนั้นเขารับงานเพียง 3 เดือน คุมทีมไป 11 นัด ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 2 แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับกลายเป็นเวทีที่ทำให้ชื่อของมูรินโญเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น ด้วยบุคลิกตรงไปตรงมา และวิธีการทำทีมที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรก เขาบรรยายถึงทีมชุดนั้นว่าเป็น “ทีมที่อ่อนแอ ไร้ความทะเยอทะยาน และเคยชินกับการพ่ายแพ้”
หลังออกจากเบนฟิกา มูรินโญออกเดินทางบนเส้นทางกุนซือที่ยิ่งใหญ่:
◾พา ปอร์โต้ สร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2004
◾ปักหมุดความสำเร็จด้วย ‘แชมป์พรีเมียร์ลีก’ ในอังกฤษกับ เชลซี
◾พา อินเตอร์ มิลาน คว้า ทริปเปิลแชมป์ 2010
◾พิชิตลาลีกากับ เรอัล มาดริด
◾คว้าถ้วย ยูโรปา ลีก กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
◾นำทัพ โรมา สร้างชื่อเป็นสโมสรแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูฟา ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2022
เส้นทางที่เต็มไปด้วยดราม่า แรงปะทะ และถ้วยรางวัล ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่โลกฟุตบอลจดจำได้ชัดที่สุดตลอด 25 ปีที่ผ่านมา
และในปี 2025 เรื่องราวก็หมุนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง มูรินโญกำลังกลับสู่เบนฟิกา ทีมที่เคยเป็นก้าวแรกของเขาในฐานะกุนซือ โดยครั้งนี้เซ็นสัญญา 2 ปี ถึงปี 2027 พร้อมภารกิจใหม่ที่ไม่ใช่แค่พิสูจน์ตัวเอง แต่คือการคืนความยิ่งใหญ่ให้กับทีมยักษ์ใหญ่โปรตุเกส
จากกุนซือโนเนมที่คุมทีมเพียง 3 เดือน สู่การเป็นตำนานในยุโรป และวันนี้ กลับสู่ “รังเหยี่ยว” อีกครั้ง นี่ไม่ใช่แค่การหวนคืนสู่บ้านเก่า แต่นี่จะเป็นบทใหม่อีกหน้า…ของนิยายลูกหนังชื่อ โชเซ มูรินโญ