×

เคลียร์ทุกประเด็นร้อน! เทคโนโลยีสแกนม่านตาจาก World โปร่งใสหรือไม่? ข้อมูลรั่วไหลจริงหรือเปล่า? [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
05.09.2025
  • LOADING...
World เทคโนโลยีสแกนม่านตา

HIGHLIGHTS

  • World เป็นเทคโนโลยีระดับโลกที่ก่อตั้งโดย Sam Altman (ผู้สร้าง ChatGPT) โดยมีภารกิจสำคัญคือ สร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์
  • หัวใจสำคัญของ World คือ ‘World ID’ เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานยืนยันความเป็นมนุษย์จริงๆ ด้วยการสแกนม่านตาผ่านเครื่อง Orb และแปลงเป็น Iris Code หรือรหัสม่านตา ส่งไปเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งานเท่านั้น
  • World เป็นระบบยืนยันความเป็นมนุษย์ไม่ใช่ระบบยืนยันตัวตน ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวใดๆ

สแกนม่านตาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ เสี่ยงข้อมูลรั่วไหลจริงมั้ย? แล้วทำไมเราต้องยืนยันความเป็นมนุษย์?

 

กับกระแสข่าวที่ว่า สเปน โปรตุเกส เยอรมนี อินโดนีเซีย ฮ่องกง และบราซิล มีการสั่งระงับสแกนม่านตาสำหรับ World ID ชั่วคราวจริงเท็จอย่างไร?

 

และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีนี้?  

 

ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย และ ฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation เปิดโต๊ะแถลงทุกข้อเท็จจริง เคลียร์ทุกประเด็น เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของสาธารณชนต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น

 

นี่คือประเด็นสำคัญที่ The Standard สรุปมาให้

 

 

ทำไมต้องยืนยันความเป็นมนุษย์?

 

ในยุคที่ความสามารถของ AI ทำให้เส้นกั้นระหว่างความเป็นมนุษย์กับบอทเริ่มเลือนลางจนกลายเป็นความท้าทายระดับโลก มิจฉาชีพสามารถใช้บอทและ AI สร้างตัวตนปลอมได้อย่างแนบเนียน อย่างคดีที่พนักงานด้านการเงินรายหนึ่งในฮ่องกงถูกหลอกให้โอนเงินกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับมิจฉาชีพที่ใช้ Deepfake สวมรอยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินปรากฏตัวในการประชุมทางวิดีโอ หรือกรณีล่าสุด มิจฉาชีพจีนใช้ Deepfake สวมรอยเป็น ฉวน หงฉาน นักกีฬากระโดดน้ำของจีนและยังสวมรอยเป็นนักกีฬาระดับท็อปอีกหลายคนเพื่อหลอกขายสินค้า มีผู้เสียหายกว่า 47,000 คน    

 

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้บริการดิจิทัลมากที่สุดในโลก และได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน ปี 2567 ไทยสูญเสียเงินกว่า 42,000 ล้านบาท จากการฉ้อโกงทางออนไลน์ ซึ่งใช้ Deepfake และเทคนิคปลอมแปลงตัวตนผ่าน AI

 

การมีเครื่องมือที่จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นโดยการแยกแยะระหว่างมนุษย์จริงกับบอท หรือการฉ้อโกงที่ดำเนินการโดย AI จึงมีความสำคัญ

 

World เทคโนโลยีสแกนม่านตา

ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย

 

ใครคือผู้เบื้องหลังโปรเจกต์ World ที่มาพร้อมพันธกิจสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัย

 

จากความท้าทายข้างต้น น่าจะมีหน่วยงานหรือคนสายเทคไม่น้อยที่อยากจะพัฒนาและหาวิธีจัดการปัญหา Sam Altman (CEO OpenAI) และ Alex Blania สองนักวิจัยผู้ก่อตั้ง Tools for Humanity (TFH) บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง คือผู้ที่สนใจและลงมือพัฒนาโปรเจกต์ระดับโลกมารับมือกับปัญหานั้น 

 

TFH ยังเป็นผู้นำในการพัฒนา World Network หรือเครือข่ายของมนุษย์จริง และเป็นผู้ดูแลการให้บริการ World App โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ซานฟรานซิสโกและกรุงเบอร์ลิน

 

โปรเจกต์ระดับโลก World ถูกออกแบบขึ้นโดยมีภารกิจสำคัญคือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ ต่อสู้กับมิจฉาชีพที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด

 

เทคโนโลยีพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของ World จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็น ‘เกราะ’ ป้องกันผู้คนจากภัยออนไลน์ โดยมีหัวใจสำคัญของระบบคือ ‘World ID’ เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานยืนยันความเป็นมนุษย์บนโลกออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ  เพราะนี่คือ ‘ระบบยืนยันความเป็นมนุษย์’ ไม่ใช่ ‘ระบบยืนยันตัวตน’

 

ยืนยันปลอดภัย 100% เก็บข้อมูลเป็น Iris Code รหัสตัวเลขที่ไม่สามารถย้อนกลับเป็นภาพได้

 

จากกระแสข่าวที่ว่า World เก็บข้อมูลส่วนบุคคลและเสี่ยงต่อข้อมูลรั่วไหล ส่งผลให้ภาครัฐและประชาชนบางส่วนแสดงความกังวลเรื่องการถูกชักชวนโดยไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้อง

 

ภัคพล เน้นย้ำว่า World เป็นระบบยืนยันความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ระบบยืนยันตัวตน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวใดๆ

 

“สิ่งที่เราต้องการจะรู้และพิสูจน์อย่างเดียวคือ คุณคือมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่บอทหรือปัญญาประดิษฐ์”

 

เทคโนโลยีเบื้องหลังคือ Zero-Knowledge Proof (ZKP) ที่ยืนยันได้ว่าบุคคลนั้นเป็นมนุษย์จริงๆ และออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยการสแกนม่านตาผ่าน Orb กล้องอัจฉริยะ  

 

World เทคโนโลยีสแกนม่านตา

ฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation

 

ฟาเบียน บอกว่า “การสแกนม่านตาเป็นวิธีที่สามารถแยกแยะคนได้ดีกว่าวิธีอื่น เราทำการศึกษาวิจัยโดยเน้นไปที่วิธีการปิดบังตัวตนพบว่า การสแกนม่านตามีความน่าเชื่อถือที่สุด และไม่สามารถถอดรหัสข้อมูลส่วนบุคคลออกมาได้”  

 

เมื่อสแกนม่านตาผ่าน Orb เครื่องจะทำการถ่ายภาพม่านตาและแปลงเป็น Iris Code หรือรหัสม่านตา ซึ่งเป็นชุดตัวเลขกว่า 10,000 หลัก โดยรหัสนี้จะถูกเข้ารหัสและเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน ที่สำคัญคือ ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นภาพม่านตาได้  เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า one-way cryptographic แม้จะใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ก็ตาม

 

ภัคพลอธิบายต่อว่า “World ID ทำหน้าที่เหมือนเป็นดิจิทัลพาสปอร์ตให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันว่าฉันคือมนุษย์จริงๆ ในโลกออนไลน์ โดยจะถูกส่งเข้าไปในมือถือของผู้ใช้งานเท่านั้น และ Orb จะลบภาพทั้งหมดทันที แม้ Iris Code ที่เก็บไว้ในระบบ aMPC ต่อให้เศษส่วนของรหัสยังคงอยู่ แต่จะไม่สามารถนำมาประกอบรวมกันหรือระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้อีกต่อไป จึงมั่นได้ว่าเราไม่มีการจัดเก็บ ซื้อหรือขายข้อมูลม่านตาตามที่เป็นข่าว”

 

นอกจากนี้ ระบบ World ไม่มีการเข้าถึงหรือผูกข้อมูลกับแอปพลิเคชันทางการเงินใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมทางการเงินตามที่มีการเผยแพร่  

 

 

โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

 

World ได้มีการสร้างเครือข่ายแบบเปิด (Open source) และกระจายศูนย์ (Decentralized) โดยส่วนประกอบหลักของทั้งฮาร์ดแวร์ เช่น อุปกรณ์ Orb และซอฟท์แวร์ ทั้งหมดเปิดเผยแบบ Open Source บน GitHub ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ เพื่อยืนยันว่าระบบปลอดภัยและไม่มีช่องโหว่แอบแฝง

 

นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยโดยบุคคลที่สามซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก อาทิ Theori และ Trail of Bits เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยและความโปร่งใส

 

ที่สำคัญ World ดำเนินงานภายใต้กรอบกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด และหารืออย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การปฏิบัติงานโปร่งใสและถูกต้องตามข้อบังคับ ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลหลักคือ PDPC ที่รับผิดชอบเรื่อง PDPA เนื่องจากเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล

 

“สำหรับกรณีที่หน่วยงานท้องถิ่นออกมาเตือนอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรืออาจจะยังไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ทางเรายืนยันว่าทำทุกอย่างตามข้อกฎหมายและปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการให้บริการ” ภัคพลกล่าว  

 

 

แจกเงินจริงหรือไม่ แจกไปเพื่ออะไร?

 

ฟาเบียน ยืนยันว่า World ไม่มีการแจกเงินสดและไม่เก็บเงินจากผู้ใช้งาน แต่จะแจกเป็นโทเคนดิจิทัล World Coin ให้กับผู้ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ผ่านระบบเป็นที่เรียบร้อย

 

“จุดประสงค์ที่เราแจกโทเคนดิจิทัลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในเครือข่าย ผู้ที่ได้รับโทเคนสามารถนำไปทำอะไรก็ได้ จะไว้ใช้จ่ายใน Mini Apps หรือแปลงเป็นเงินบาทผ่าน Exchange ที่ถูกกฎหมาย”

 

“เรายืนยันว่าไม่มีการจ้างบุคคลที่สามมาเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ไม่มีการเก็บค่าบริการ ไม่มีการแจกเงินสด ไม่มีการรับแลกเหรียญแล้วแปลงเป็นเงินบาท หากพบกรณีเหล่านี้ให้ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพ” ภัคพลกล่าว

 

World เตรียมมาตรการรับมือ 3 ข้อ คือ

 

  • ให้ความรู้ เตือนประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียและจุดให้บริการ โดยมีป้ายแผ่นพับเพื่อให้ความรู้
  • จัดตั้งทีมขึ้นมาเพื่อดำเนินการเชิงรุก ค้นหา และป้องกันเคสมิจฉาชีพต่างๆ
  • เปิดให้ผู้ใช้งานรายงานผ่าน World App หากเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยจะมีทีมที่ดูแลทุกๆ เคสโดยทันที

 

ยอดผู้ใช้งานปัจจุบันและความสำเร็จในประเทศไทย

 

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 33 ล้านคน รวมถึงในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และอีกหลายประเทศ

 

 

สำหรับข่าวที่ว่ามีการสั่งระงับสแกนม่านตาใน 8 ประเทศนั้น ภัครพลยืนยันว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการหยุดดำเนินการชั่วคราวเพื่อใช้เวลาในการชี้แจงและให้ข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ เท่านั้น

 

สำหรับประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2568 มีพันธมิตรที่นำเทคโนโลยีของ World ไปเสริมเกราะคุ้มกันให้กับผู้ใช้งานจริง อาทิ

 

  • Pantip.com ที่ช่วยให้การถาม-ตอบข้อมูลภายในอินเทอร์เน็ตน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
  • แอป Whoscall (Gogolook) ป้องกันมิจฉาชีพและยืนยันว่าเบอร์โทรศัพท์เป็นบุคคลจริงๆ ช่วยลดปัญหามิจฉาชีพและการหลอกลวงต่างๆ
  • ระบบจองตั๋ว Eventpop ป้องกันบอทในจองตั๋ว เช่น การกดบัตรคอนเสิร์ต, แฟนมีตติ้ง, เวิร์กช็อป, งานสัมมนา และคอร์สเรียน
  • เกม Ragnarok (Zentry Thailand) ขจัดการใช้บอทโกงในการเล่นเกมให้ ผู้เล่นมั่นใจได้ว่าจะได้แข่งกับมนุษย์จริงๆ ทำให้การเล่นเกมกลับมาสนุกอีกครั้ง

 

 

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งาน World ไม่เพียงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยไซเบอร์และสร้างระบบนิเวศในประเทศไทย แต่ยังชวนผู้เชี่ยวชาญและนักพัฒนาเข้ามารวม ‘Hack the Orb’ ในงาน ‘Orb Hackathon’ กิจกรรมท้าทดสอบความปลอดภัยและความแข็งแกร่งของระบบ Orb สะท้อนความมั่นใจและความโปร่งใสของ World ที่กล้าเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกตรวจสอบอย่างเปิดเผยและพร้อมพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

 

และต่อเนื่องจากโครงการ ‘Build With World’ บริษัทฯ ประกาศลงทุนกว่า 25 ล้านบาท ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาไทยในการสร้าง Mini Apps และฐานข้อมูลที่ใช้ World ID เป็นกลไกยืนยันความเป็นมนุษย์ เงินลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการเติบโตของระบบนิเวศเทคโนโลยีในประเทศ และผลักดันให้ผู้พัฒนาไทยก้าวสู่เวทีโลกด้วยนวัตกรรมระดับสากล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising