×

คุย พอล สิริสันต์ ถึง Cloud11 ฮับแห่งใหม่ของนักสร้างสรรค์ พื้นที่ไลฟ์สไตล์ใหม่ย่านอุดมสุข

12.09.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • คอนเซปต์ของที่นี่เราตั้งไว้ให้เป็น Creative Culture Ecosystem เราพยายามสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่จำเป็นต่างๆ เพื่อรองรับสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) ให้ครบครันที่สุด
  • ด้าน Commercial Zone ก็จะมีร้านค้าและธุรกิจต่างๆ อยู่ภายในโครงการเรามากมายครับ อย่าง The Commons คราวนี้เราก็ชวนมาสร้าง Food & Hang Out Community กันที่นี่แล้วมีแผนว่าจะทำ Art Collaboration กันกับครีเอเตอร์ที่นี่ด้วย หรืออย่าง BEANS Coffee Roaster คาเฟ่กาแฟ Specialty Coffee ชื่อดังก็จะมาเปิดร้านที่นี่กับเรา นอกจากนี้เราก็ยังมีการพัฒนาโปรเจกต์ในรูปแบบ Artist Market
  • Cloud11 นี้ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิทในบริเวณย่านอุดมสุข (ระหว่างสถานี BTS-อุดมสุข และ BTS-ปุณณวิถี) คาดว่าจะแล้วเสร็จและวางแผนเปิดดำเนินการราวช่วงต้นเดือนมีนาคม 2569

ยุคนี้ความคิดสร้างสรรค์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจ อักทั้งยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ และหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญใหม่ที่กำลังอยู่ในกระแส และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ก็คือโปรเจกต์ Cloud11 ที่มุ่งเน้นพัฒนา Creative Economy & Ecosystem เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยุคใหม่ทั้งในเมืองไทยและระดับสากล

 

วันนี้เราได้มีโอกาสนั่งคุยกับ พอล สิริสันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญถึงการก่อร่างสร้างสรรค์ให้โครงการ Cloud11 นี้เป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น ตลอดจนได้รับรู้ถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยให้เติบโตและก้าวไกลสู่ระดับสากล รวมถึงการวางเป้าหมายเพื่อสร้างให้พื้นที่นี้กลายเป็นฮับแห่ง “Empowering Creator” ที่พร้อมจะขับเคลื่อนศักยภาพเหล่าครีเอเตอร์ให้โลดแล่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

ความแตกต่างระหว่าง Cloud11 กับ Mixed-Use Space อื่นๆ

 

เมืองไทยมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use Development) ผุดขึ้นมากมาย ทว่าโครงการส่วนใหญ่มักมุ่งไปที่เป้าหมายทางธุรกิจเป็นหลัก (โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้เช่าเพื่อทำการค้า) แต่สำหรับ Cloud11 นี่เป็นการพัฒนาโครงการอสังหาฯ รูปแบบใหม่ที่มุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็น Creative Culture Ecosystem อันเป็นศูนย์รวมของนักสร้างสรรค์ในแขนงต่างๆ ไปจนถึงการส่งเสริมธุรกิจตลอดจนอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้ก้าวไกลระดับโลก “คอนเซ็ปต์ของที่นี่เราตั้งไว้ให้เป็น Creative Ecosystem ซึ่งถือว่าเป็นดีเอ็นเอของ Cloud11 เลยครับ เราพยายามสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่จำเป็นต่างๆ เพื่อรองรับสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) ให้ครบครันที่สุด

 

 

อย่างในต่างประเทศเราก็ได้เห็นโครงการที่ซัปพอร์ตอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่น่าสนใจมากมาย อย่างเช่น Songshan Cultural and Creative Park (SCCP) ในไต้หวัน หรือ M50 Art District ที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็ King’s Cross ในอังกฤษ พื้นที่เหล่านี้รีโนเวตอุตสาหกรรมยุคเก่าให้กลายเป็น Creative & Art District แหล่งสร้างสรรค์ยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่รองรับการสร้างสรรค์ผลงานเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมายรวมถึงกลายเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของคนท้องถิ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ด้วย ซึ่งผมมองว่าในเมืองไทยเองก็ยังไม่มีพื้นที่ลักษณะนี้อย่างจริงจัง” คุณพอลกล่าว

 

 

นอกจากนี้หากลงลึกในรายละเอียดสิ่งที่ทำให้ Cloud11 โดดเด่นและแตกต่างจากโครงการมิกซ์ยูสอื่นๆ อย่างมีเอกลักษณ์ก็คือการพัฒนาให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมทั้ง Commercial Zone ย่านธุรกิจการค้า, Art District แหล่งเสพไลฟ์สไตล์งานศิลป์หลากหลายรูปแบบ, Entertainment Hub แหล่งรวมความบันเทิงมากมาย, Creative Community ชุมชนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์หลากหลายแขนง, Creative Academy สถาบันให้ความรู้ด้านการสร้างสรรค์ระดับนานาชาติ, ไปจนถึง Public Park สวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจที่เป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ศิลปะและกิจกรรมสร้างสรรค์ในตัว รวมถึงมีโรงแรมที่พักไว้อำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตลอดจนรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในคราวเดียวกันด้วย

 

รวมพาร์ทเนอร์ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

 

นอกจากการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไว้รองรับอย่างครบครันสมบูรณ์แบบแล้ว อีกองค์ประกอบสำคัญที่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยให้เข้มแข็ง และก้าวไปได้ไกลยิ่งขึ้นก็คือบรรดาพาร์ทเนอร์ธุรกิจทั้งหลายนั่นเอง ซึ่งคุณพอลเสริมว่าเรื่องพันธมิตรถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ Cloud11 เช่นกัน โดยโปรเจกต์นี้ได้องค์กรชั้นนำระดับแนวหน้าทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาร่วมขับเคลื่อนกันอย่างแข็งขัน

 

 

“เราได้รับความร่วมมือจากพาร์ทเนอร์ที่ทั้งเชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย อาทิ ด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็จะมี New York Film Academy, Kantana, Documentary club ส่วนอุตสาหกรรมดนตรีก็จะมี 88rising, 1500 Sound Academy, THEBLACKSEA, SMtrue หรือด้านศิลปะก็จะมี Bangkok Kunsthalle เป็นต้นครับ แล้วก็ยังมีอีกมากมาย เมื่อโครงการเปิดให้บริการจริงๆ แล้วเราคาดว่าจะมีพาร์ทเนอร์สนใจเข้าร่วมอีกเยอะเลยครับ” คุณพอลให้รายละเอียดพร้อมคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต

 

อีกแนวคิดน่าสนใจที่จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือขับเคลื่อนชุมชนสร้างสรรค์รวมถึงเชื่อมต่อหน่วยสร้างสรรค์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ก็คือระบบการจัดการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับอุตสาหกรรมนี้

 

“ผมมองว่าบทบาทสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเราก็คือการเป็น “สะพาน (Bridge)” เชื่อมต่อกับทุกคน เป็นตัวกลางคอยอำนวยความสะดวกให้ รวมถึงเป็นเบื้องหลังซัปพอร์ตให้สำเร็จ อย่างเช่นเรื่องการเป็น Business Partner กับครีเอเตอร์และบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ต่างๆ ที่อยู่ใน creative industry อย่างที่เราทราบกันดีว่าศิลปินโดยทั่วไปจะเก่งในการสร้างสรรค์ผลงาน แต่มักจะต้องการความช่วยเหลือในการจัดการช่องทางการขาย และการตลาดเป็นพิเศษ ดังนั้นเพื่อให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ดีมีคุณภาพ เราจะคอยเป็นหลังบ้านจัดการเรื่องภาคธุรกิจให้ ”

 

อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งนอกจากอุปกรณ์ สำหรับ production ที่ทันสมัยระดับโลกแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือการพัฒนา Application สำหรับรองรับ Creative Ecosystem นี้

 

“เรากำลังพัฒนา App สำหรับรองรับสมาชิกของ Creative Community ด้วยครับ ทั้งในส่วนผู้ประกอบการและศิลปินตลอดจนสมาชิกคนทั่วไป (ที่ต้องได้รับการ verified แล้ว) จะสามารถเข้ามาใช้ App ร่วมกันได้ ตั้งแต่การจอง Venue ภายในโครงการ, การจองตั๋ว (Ticketing), แล้วก็อาจมีในเรื่อง E-commerce ในอนาคตด้วย และมีคอมมิวนิตี้บุคลากรด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ รวมถึงพันธมิตรอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคตด้วยครับ” คุณพอลเสริมถึงการเตรียมพร้อมระบบการจัดการไว้รองรับ

 

App ให้สามารถช่วยจองพื้นที่ใช้งานหลากหลายรูปแบบ ในแบบที่ ห้างหรือ มิกซ์ยูสอื่นไม่สามารถทำได้ เช่น จองพื้นที่สำหรับจัดแสดงคอนเสิร์ต ละครเวที พื้นที่ขายสินค้าหรือแฟชั่นของเหล่า ครีเอเตอร์ และพื้นที่แสดงงานศิลปะ พื้นที่โรงหนัง

 

 

ทำไมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยถึงไม่ขยับไปไหน

 

ปัจจุบันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ตลอดจนอุตสาหกรรมบันเทิงในระดับโลกแข่งขันกันอย่างดุเดือดและกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญทางธุรกิจที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายประเทศ ตรงจุดนี้เราเลยชวนคุณพอลแสดงความคิดเห็นถึงมิติภาพรวมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยกันดูบ้าง

 

“เมืองไทยในวันนี้เป็นประเทศผู้นำเรื่องอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระดับสากล งานศิลปะ ภาพยนตร์ ศิลปิน แอนิเมชั่น มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก ซึ่ง segment นี้ ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพื่อผลักดันทั้งบุคลากร ให้เก่งขึ้น และมีพื้นที่ในการผลิตงานได้หลากหลายมากขึ้น

 

ผมเชื่อในความแตกต่างและโดดเด่นของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย และในวันนี้เรามีรางวัลระดับโลก มี box office และเสียงตอบรับจากแฟนคลับทั่วทุกมุมโลก เป็นการการันตีว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของเมืองไทยเป็นที่ยอมรับจริง ๆ 

 

สิ่งที่เราต้องการผลักดัน คือ ต้องการให้อุตสาหกรรมนี้ สามารถแข่งขันได้เต็มที่ผ่านการมี facility ที่พร้อมและมี มาตรฐานที่เทียบเท่ากับประเทศอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่พัฒนาแล้ว เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐ เป็นต้น

 

นอกเหนือจากการสร้าง facility ให้แล้ว ผมยังตั้งใจที่จะพัฒนาเรื่องการหารายได้ให้กับศิลปินและทีมผู้สร้าง ที่เรียกว่า direct to fan หมายถึงการหาเงิน ที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือมีการใช้ platform ให้น้อยที่สุด เพื่อให้รายได้กลับไปสู่ศิลปินได้มากที่สุด 

 

ผมเชื่อว่าถ้าศิลปินและนักสร้างสรรค์คนไทยสามารถหารายได้ได้มากกว่าเดิม พลังการสร้างสรรค์ของคนไทยจะทวีคูณขึ้น เราจะเห็นงานที่แปลกใหม่กว่าที่ผ่านมา และนี่คือจุดที่ทำให้ธุรกิจสร้างสรรค์ของเมืองไทยไปได้ไกล”

 

 

สังคมแห่งการสร้างสรรค์ของทุกคน

 

ภาพลักษณ์โครงการโดยรวมอาจทำให้หลายคนมองว่า Cloud11 เป็นสถานที่ไกลตัวที่เปิดเพื่อรองรับคนสายงานสร้างสรรค์ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจด้านอุตสาหกรรมบันเทิงเพียงเท่านั้น ทว่าความเป็นจริงแล้ว อีกมิติของ Cloud11 นั้นก็ต้องการสร้างสรรค์พื้นที่นี้ให้เป็นดั่ง Third Place ที่ครบวงจรสำหรับทุกคนด้วยเช่นกัน “แน่นอนครับว่าส่วนหนึ่งเราเน้นสร้าง Creative Ecosystem ให้กับที่นี่ แต่ขณะเดียวกันฟันเฟืองสำคัญที่จะขับเคลื่อน cloud11bangkok.com และ www.facebook.com/cloud11bangkok กันได้เลย

 

คลิกอ่านเพิ่มเติม 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising