ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดเศรษฐกิจไทยปี 2569 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพ เนื่องจากการส่งออกที่ชะลอตัว การผลิตถูกกระทบโดยสินค้านำเข้าทะลัก การท่องเที่ยวเติบโตชะลอตัว รวมทั้งการบริโภคและการลงทุนเอกชนโตชะลอตัว
จากรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ ครั้งที่ 4/2568 วันที่ 8 สิงหาคม และ 13 สิงหาคม 2568 ที่เผยแพร่ล่าสุด (27 สิงหาคม) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และขยายตัวต่ำกว่าระดับศักยภาพในปี 2569
รายงานให้เหตุผลว่าเป็นผลจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ (1) ภาคการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ รวมทั้งผลจากการเร่งส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก แม้ว่าอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่ไทยได้รับไม่แตกต่างจากประเทศคู่แข่งมากนัก แต่อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะส่งผลต่อความต้องการสินค้าและการค้าโลก นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการเก็บภาษีสินค้าที่สวมสิทธิ์ส่งออก (transshipment) ซึ่งยังไม่ชัดเจน
(2) ภาคการผลิตถูกกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทั้งจากการทะลักของสินค้านำเข้า (import flooding) จากประเทศอื่นๆ ที่แสวงหาตลาดใหม่ และการเปิดตลาดในประเทศให้กับสินค้าจากสหรัฐฯ อาจสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อบางภาคส่วน เช่น ภาคเกษตรและเกษตรแปรรูป ซึ่งครอบคลุมผู้ประกอบการและแรงงานจำนวนมาก
(3) ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง ตามจำนวนนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (short-haul) ที่ลดลงจากการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น แม้รายรับภาคท่องเที่ยวโดยรวมยังขยายตัวได้จากนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) แต่ผลดีกระจุกตัวอยู่ในผู้ประกอบการรายใหญ่ อาทิ โรงแรมระดับบน
และ (4) การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงจากแนวโน้มรายได้แรงงาน ตามแนวโน้มการส่งออก การผลิต และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระซึ่งมีสัดส่วนสูงในภาคบริการ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากผู้ประกอบการพบว่า SMEs ส่วนใหญ่ปรับตัวในเชิงประคับประคองกิจการ เช่น การลดต้นทุน หรือลดขนาดกิจการ ขณะที่การปรับตัวเชิงรุก เช่น การเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพยังมีข้อจำกัด คณะกรรมการฯ เห็นว่า SMEs เปราะบางมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการจ้างงานและรายได้ครัวเรือน รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้
สินเชื่อโดยรวมหดตัวต่อเนื่องจากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ที่ปรับลดลงตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ที่สูงขึ้น โดยคุณภาพสินเชื่อ SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังปรับด้อยลง
ทั้งนี้ SMEs ยังมีความเปราะบางจากสภาพคล่องที่ลดลงและภาระหนี้สูง อีกทั้งยังเผชิญต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ โดยข้อมูลจากสถาบันการเงินสะท้อนว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อปล่อยใหม่ของลูกหนี้ SMEs อยู่ในระดับสูงและปรับลดลงน้อยกว่ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงกว่าโดยเปรียบเทียบ
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าสินเชื่อจะยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากกระบวนการปรับลดภาระหนี้ (debt deleveraging) ของภาคธุรกิจและครัวเรือน ความต้องการสินเชื่อที่ลดลงตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่อลูกหนี้กลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูง
ภาพ: kiszon pascal / Getty Images