×

ผู้บริหาร Citi เตือน ‘ดอกเบี้ย Stablecoin’ อาจซ้ำรอยวิกฤตเงินฝากไหลออกยุค 80s

26.08.2025
  • LOADING...

โรนิต โกส ผู้บริหารระดับสูงของ Citigroup ส่งสัญญาณเตือนว่าการที่แพลตฟอร์มคริปโตสามารถเสนอดอกเบี้ยจาก Stablecoin ได้ อาจเป็นชนวนให้เกิดวิกฤตเงินฝากไหลออกครั้งใหญ่จากระบบธนาคารแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นภาพที่ย้อนรอยวิกฤตการณ์กองทุนตลาดเงิน (Money Market Funds) ในช่วงทศวรรษ 1980 ที่เคยสั่นคลอนเสถียรภาพของสถาบันการเงินสหรัฐฯ

 

คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่กลุ่มสมาคมธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังล็อบบี้สภาคองเกรส เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขและปิดช่องโหว่ใน GENIUS Act ที่เพิ่งผ่านเป็นกฎหมาย ซึ่งพวกเขามองว่ากำลังสร้างสนามแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมและอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบในอนาคต

 

ย้อนรอยวิกฤต 1980s เมื่อเงินฝากไหลไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า

 

โกสได้เปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงต้น 1980 ที่กองทุนตลาดเงินซึ่งไม่ถูกควบคุมเพดานดอกเบี้ย สามารถเสนอผลตอบแทนที่สูงกว่าธนาคารได้อย่างอิสระ ส่งผลให้เงินฝากจำนวนมหาศาลไหลออกจากระบบธนาคารที่ถูกควบคุมอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มงวด โดยช่วงปี 1981-1982 ยอดถอนเงินจากบัญชีธนาคารสูงกว่าเงินฝากใหม่ถึง 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์

 

ปัจจุบันภาคธนาคารกังวลว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เมื่อแพลตฟอร์มคริปโตสามารถเสนอผลตอบแทนจาก Stablecoin ที่น่าดึงดูดใจ ขณะที่ธนาคารแบบดั้งเดิมยังคงอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดซึ่งจำกัดความสามารถในการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ย

 

ช่องโหว่ใน GENIUS Act และความเสี่ยง 6.6 ล้านล้านดอลลาร์

 

กลุ่มธนาคารโต้แย้งว่า แม้กฎหมาย GENIUS Act จะห้ามไม่ให้ ผู้ออก Stablecoin เช่น Circle หรือ Tether จ่ายดอกเบี้ยโดยตรง แต่กฎหมายกลับไม่ได้ห้ามแพลตฟอร์มตัวกลางอย่าง Coinbase หรือ PayPal จากการมอบรางวัลหรือผลตอบแทนให้กับผู้ถือ Stablecoin ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นช่องโหว่สำคัญ

 

ฌอน เวียร์กุทซ์ ที่ปรึกษาด้านการธนาคารของ PwC ชี้ว่า หากเงินฝากไหลออกจำนวนมาก ‘ธนาคารอาจต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้สินเชื่อสำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจมีราคาแพงขึ้น’

 

โดยกลุ่มธนาคารได้อ้างถึงการประมาณการของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ระบุว่า Stablecoin ที่ให้ผลตอบแทนอาจทำให้ เงินฝากไหลออกจากระบบธนาคารสูงถึง 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาเงินทุนของธนาคารไปโดยสิ้นเชิง

 

ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ผู้บริหารของ Citi กำลังออกมาเตือนถึงความเสี่ยง แต่ Citigroup เองก็กำลังสำรวจบริการรับฝาก Stablecoin และพิจารณาออกโทเคนดอลลาร์ดิจิทัลของตนเอง

 

เจน เฟรเซอร์ CEO ของ Citi ยืนยันว่ากำลัง ‘พิจารณาการออก Citi Stablecoin’ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กร ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ธนาคารขนาดใหญ่เองก็กำลังพยายามปรับตัวเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ด้านอุตสาหกรรมคริปโตได้ออกมาตอบโต้ข้อกังวลของภาคธนาคารอย่างแข็งขัน โดย พอล เกรวาล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ Coinbase ระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า ฝ่ายนิติบัญญัติได้ ‘ปฏิเสธความพยายามอย่างไม่จำกัดของคุณ (กลุ่มธนาคาร) ที่จะหลีกเลี่ยงการแข่งขัน’ ไปแล้วในระหว่างการพิจารณากฎหมาย GENIUS Act

 

ความขัดแย้งครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่บทบาทของ Stablecoin กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจมีปริมาณการชำระเงินรายปีสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2571 และอาจคิดเป็น 10% ของปริมาณเงินทั้งหมดของสหรัฐฯ
แม้แต่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ก็ได้แสดงการสนับสนุน โดยมองว่า Stablecoin จะช่วย ‘ขยายการเข้าถึงเงินดอลลาร์สำหรับผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก และนำไปสู่ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น’

 

ภาพ: wildpixel / Getty Images

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising