ปี 2025 กำลังเป็นบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจในประเทศไทย
ท่ามกลางกระแสการฟื้นตัวที่ดูผิวเผิน เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเรียกว่า ‘มรสุมสมบูรณ์แบบ’ (Perfect Storm) จากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ถาโถมเข้าพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน ภาวะเช่นนี้ทำให้ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และยังเพิ่มความผันผวนและความท้าทายในการวางแผนธุรกิจในระยะข้างหน้าอย่างมาก
ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2.9% ในปีนี้ และลดลงเหลือ 2.6% ในปีหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโต 3.3% อย่างชัดเจน ที่สำคัญคือ อัตราการเติบโตของไทยยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศอาเซียน 5 ที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.6% ในปีนี้และ 4.5% ในปีหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
THE STANDARD WEALTH และ The Secret Sauce Summit 2025 พาทุกท่านไปผ่าตัดเศรษฐกิจไทย ที่กำลังติดโรคร้ายจาก 10 ปีศาจที่คุกคามเศรษฐกิจไทย พร้อมร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตครั้งนี้
ปีศาจสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์
ปี 2025 กลายเป็นปีที่โลกธุรกิจต้องรับมือกับแรงสั่นสะเทือนจากเวทีโลกมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะ ‘สงครามการค้า’ ที่ปะทุขึ้นอีกครั้งภายใต้ยุค Trump 2.0 แม้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าไทยเหลือ 19% เท่าอาเซียนอื่น แต่ยังสูงจนกระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ
ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีนกระทบเศรษฐกิจโลก ผู้ผลิตสหรัฐฯ มองหาแหล่งอื่นนอกจีน แต่ไทยไม่เด่นเพราะต้นทุนสูงและนโยบายลงทุนอ่อนแอ ผู้ส่งออกไทยเสี่ยงภาษีเพิ่มและถูกตรวจสอบ ‘สินค้าสวมสิทธิ์’ หากพบอาจโดนภาษี 40% ทำให้ผู้ประกอบการไทยเปราะบาง
ในภาวะที่สงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ไม่สามารถคาดเดาได้ ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างจริงจัง
- ยกระดับสินค้าไปสู่มูลค่าเพิ่มสูง: ลงทุนใน R&D และดีไซน์ เพื่อลดการพึ่งพาการแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว
- กระจายตลาดส่งออก: ขยายไปยังอินเดีย ตะวันออกกลาง และตลาดใหม่ในอาเซียน เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ เพียงตลาดเดียว
- สร้างความโปร่งใสในซัพพลายเชน: พัฒนามาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) และ compliance เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกกล่าวหาว่าสวมสิทธิ์
- สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์: ร่วมมือกับผู้ประกอบการต่างชาติและใช้ FTA (เขตการค้าเสรี) ที่ไทยมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ปีศาจ AI เขย่าโลก
ปี 2025 AI ไม่ได้เป็นเพียง Buzz Word ในห้องประชุมระดับโลกอีกต่อไป แต่กลายเป็น ‘แรงสั่นสะเทือนจริง’ ที่เข้ามาเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างจับต้องได้ คาดว่าตลาดรวม AI ทั่วโลกจะพุ่งสู่ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2050 และกำลังถูกขนานนามว่าเป็น ‘พลังเศรษฐกิจใหม่’ ที่จะปฏิวัติวิธีทำธุรกิจแทบทุกอุตสาหกรรม
งานวิจัย World Economic Forum ชี้ว่า 30% ของงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสี่ยงถูก AI แทนที่ใน 5-10 ปี โดยเฉพาะงานภาคการผลิต การเงิน และบริการ ขณะที่ความต้องการแรงงานทักษะสูง เช่น วิศวกร AI เพิ่มขึ้น แต่ระบบการศึกษาไทยยังตามไม่ทัน
Telenor Asia เผยว่าคนไทยกว่า 40% ใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เพิ่มจาก 19% ในปี 2024 ส่วนใหญ่ใช้สร้างคอนเทนต์และวิเคราะห์ข้อมูล และเกือบ 30% ใช้ AI มากกว่าวันละครั้ง ซึ่งหมายความว่าธุรกิจไทยกำลังอยู่ในยุค ‘AI Economy’ โดยไม่รู้ตัว
ความเสี่ยงไซเบอร์จาก AI โดยเฉพาะ deepfake เพิ่มขึ้นรวดเร็ว การโจมตีด้วย deepfake ในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 335% ธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SME ที่ไม่มีระบบ IT Security ที่ดี อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่ายหากไม่มีมาตรการป้องกันที่แข็งแกร่ง
ปีศาจ AI ไม่ใช่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันและใช้มันให้เกิดประโยชน์
- นำ AI มาใช้จริง: เริ่มจากงานที่ใกล้ตัว เช่น ระบบตอบแชทอัตโนมัติ การตลาดเชิงวิเคราะห์ การจัดการสต๊อก ไปจนถึงการใช้ automation ในการผลิต
- เร่งพัฒนาทักษะบุคลากร: อบรมพนักงานเรื่อง data analytics, prompt engineering, และ cybersecurity เพื่อให้ทีมงานไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
- สร้างนวัตกรรมใหม่จาก AI: ทดลองพัฒนาสินค้าและบริการที่ใช้ AI เป็นหัวใจ เช่น personal finance, เฮลท์เทค หรือ e-commerce แบบ personalization
- รักษาความโปร่งใสและความเชื่อมั่น: เปิดเผยการใช้ AI กับลูกค้า เพราะงานวิจัยชี้ว่า คนไทยกว่า 90% ต้องการให้แบรนด์โปร่งใสเรื่องการใช้ AI
- ป้องกันความเสี่ยงไซเบอร์: ลงทุนในระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน ใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับ deepfake และฝึกทีมงานรู้เท่าทันภัยคุกคาม
ปีศาจการเมืองไทยไร้เสถียรภาพ
ปี 2025 เศรษฐกิจไทยเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง งบประมาณปี 2569 อาจล่าช้า กระทบการเบิกจ่ายภาครัฐและ GDP หายไป 0.3-0.5% คล้ายปี 2023 ที่ชะลอ 1-1.5% นอกจากนี้ ตลาดทุนและนักลงทุนต่างชาติเสียความเชื่อมั่น SET Index ใกล้ 1,050 จุด เงินบาทอ่อนค่า โครงการลงทุน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ต้องหยุดชะงัก.
สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือบรรยากาศที่ไม่ต่างจากการเดินเรือในทะเลที่ไร้เข็มทิศ บริษัทก่อสร้างและซัพพลายเออร์ปลายน้ำหลายรายเริ่มขาดสภาพคล่องจากสัญญาภาครัฐที่ถูกเลื่อนออกไป ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อขึ้นเนื่องจากความเสี่ยงทางการเมือง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากขึ้น และต้นทุนการกู้ยืมและนำเข้าสูงขึ้นจากค่าเงินผันผวน
ผู้ประกอบการไทยในปี 2025 จำเป็นต้องสร้าง ‘แผนสำรอง’ เพื่อลดการพึ่งพิงการเมืองและงบประมาณของรัฐมากเกินไป กลยุทธ์ที่ควรพิจารณามีดังนี้
- บริหารสภาพคล่องอย่างเข้มงวด: รักษากระแสเงินสดและมีแหล่งเงินทุนสำรองในยามฉุกเฉิน เพื่อรับมือความล่าช้า
- หาตลาดเอกชนและต่างประเทศ: ลดการพึ่งพารายได้จากงานรัฐด้วยการขยายฐานลูกค้าไปยังภาคเอกชนหรือเจาะตลาดส่งออก
- ลงทุนเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน: ใช้ระบบ ERP หรือดิจิทัลโซลูชันเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- สร้างเครือข่ายกดดันเชิงนโยบาย: รวมกลุ่มกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันผ่านสมาคมหรือเครือข่าย เพื่อส่งเสียงสะท้อนความเดือดร้อนถึงภาครัฐและผลักดันมาตรการเร่งรัด
ปีศาจหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพสูง
หากถามว่าปีศาจตัวใดที่ ‘กัดกิน’ เศรษฐกิจไทยใกล้ชิดที่สุด คงหนีไม่พ้นปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในปี 2025 หนี้ครัวเรือนไทยสูงถึง 90.9% ของ GDP หรือเฉลี่ยกว่า 660,000 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับรายได้ที่เพิ่มไม่ทันค่าครองชีพ โดยเฉพาะค่าอาหารและพลังงานที่เพิ่มขึ้นกว่า 15% แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำ แต่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวแกง น้ำมัน และค่าไฟกลับสูงขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเงินในกระเป๋าลดลง กำลังซื้อหดตัว และการบริโภคในประเทศอ่อนแรงลงอย่างชัดเจน
ภาคค้าปลีกและสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอสังหาริมทรัพย์มียอดขายชะลอตัว ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ ทำให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ SME ขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวเป็นลูกโซ่
แม้ภาวะนี้จะกดดันอย่างหนัก แต่ผู้ประกอบการยังสามารถหาทางรับมือได้ผ่านกลยุทธ์เหล่านี้
- ปรับโมเดลสินค้าและบริการ: พัฒนาแพ็กเกจสินค้าที่มีราคาย่อมเยา รุ่นเล็ก หรือใช้ subscription model เพื่อลดภาระการจ่ายก้อนใหญ่ของลูกค้
- ขยายตลาดส่งออก: เพิ่มน้ำหนักไปยังตลาดที่ยังมีดีมานด์เติบโต เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง หรือประเทศอาเซียน เพื่อลดการพึ่งพากำลังซื้อในประเทศ
- พัฒนาโปรดักต์เฉพาะกลุ่ม: ลงทุนในนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและไม่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เช่น สินค้าพรีเมียมด้านสุขภาพและเทคโนโลยี
- สร้างความร่วมมือกับสถาบันการเงิน: เสนอแพ็กเกจไฟแนนซ์หรือดีลผ่อนจ่ายร่วมกับธนาคาร เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกภาระเกินไป
ปีศาจแรงงานขาดแคลนและโครงสร้างประชากร
ปี 2025 ไทยเหมือนกำลังติดอยู่ตรงกลางของ ‘กรรไกรประชากร’ ด้านหนึ่งคือ อัตราการเกิดที่ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ อีกด้านคือ จำนวนผู้สูงวัยที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองแรงนี้กำลังบีบให้ตลาดแรงงานไทยแคบลงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า อัตราการเกิดของไทยอยู่ที่ 0.98-1.0 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ต่ำกว่าระดับทดแทนที่ 2.1 เกือบครึ่ง ทำให้มีเด็กเกิดใหม่น้อยลง และโครงสร้างประชากรจะเอียงไปทางผู้สูงอายุ โดยคนไทยอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนเกิน 20% และจะเพิ่มเป็น 28% ภายในปี 2573 ส่งผลให้ไทยเสี่ยง ‘แก่ก่อนรวย’ และขาดแรงงานเร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
จำนวนแรงงานวัยทำงานลดลงต่อเนื่อง คาดอีก 20 ปี เหลือไม่ถึง 33 ล้านคน ขณะที่อุตสาหกรรมใช้แรงงานเข้มข้นเผชิญปัญหาแย่งแรงงาน ค่าจ้างพุ่ง แต่ผลิตภาพแรงงานไทยยังต่ำกว่าสิงคโปร์ 5 เท่า และเกาหลีใต้เกือบ 4 เท่า ทำให้ธุรกิจต้องเลือกระหว่างลดกำลังการผลิตหรือนำเข้าแรงงานข้ามชาติที่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย
แม้จะไม่สามารถหยุดยั้งโครงสร้างประชากรได้ แต่ธุรกิจยังมีทางเลือกที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับปีศาจแรงงานขาดแคลน
- เร่งใช้ Automation และ AI แทนงานซ้ำซ้อน: เพื่อลดการพึ่งพาแรงงานจำนวนมาก และควบคุมต้นทุนได้ในระยะยาว
- ลงทุน Upskill/Reskill พนักงานที่มีอยู่: ให้สามารถใช้เทคโนโลยีและทำงานซับซ้อนขึ้น เพื่อยกระดับผลิตภาพแรงงาน
- ดึงผู้สูงวัยกลับเข้าทำงาน: ออกแบบตำแหน่งงานที่ใช้ประสบการณ์ ความรู้ และเครือข่าย มากกว่ากำลังแรงกาย
- พัฒนาสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัย: เช่น บริการสุขภาพ เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้สูงอายุ และที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและสะดวก
- ร่วมมือกับภาครัฐเพื่อดึงแรงงานข้ามชาติอย่างมีคุณภาพ: สร้างระบบที่โปร่งใสและยั่งยืน พร้อมมาตรการดูแลแรงงานต่างชาติ
ปีศาจขีดความสามารถการแข่งขันตกต่ำ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไทยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่ ‘ชะลอตัว’ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2025 ยิ่งสะท้อนภาพนี้ชัดเจน เมื่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเพียง 2.6% ขณะที่ค่าเฉลี่ยอาเซียน 5 (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม) อยู่ที่ 4.5% นั่นหมายความว่าไทยกำลังโตช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านเกือบครึ่งหนึ่ง
FDI เวียดนามเติบโต 35.5% ในสองเดือนแรก โดยเกาหลีใต้ลงทุนกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยเผชิญเงินทุนไหลออก เพราะนักลงทุนต่างชาติมองหาตลาดดาวรุ่งมากกว่าไทยที่เติบโตต่ำและระบบราชการซับซ้อน ผู้ประกอบการไทยจึงเสียโอกาสแข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆ และยังเสี่ยงเสียห่วงโซ่การผลิตเมื่อนักลงทุนย้ายฐานไปเวียดนามหรืออินโดนีเซีย
ในสถานการณ์ที่ ‘ขีดความสามารถในการแข่งขัน’ กำลังเสื่อมถอย ผู้ประกอบการไทยต้องหันกลับมาปรับกลยุทธ์เชิงรุกเพื่ออยู่รอดในสนามโลก
- ลงทุนในนวัตกรรมและ R&D: พัฒนาสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น EV parts, medical devices หรือเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ใช่เพียงการผลิตสินค้าทั่วไป
- ยกระดับผลิตภาพแรงงาน: ลงทุนในการฝึกอบรมและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้แรงงานไทยแข่งขันได้มากขึ้น
- ใช้ประโยชน์จากเครือข่าย FTA: เจาะตลาดผ่านเขตการค้าเสรีที่ไทยมีอยู่ เช่น CPTPP, RCEP เพื่อลดอุปสรรคทางการค้า
- ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน: สร้างพันธมิตรเพื่อผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ลดขั้นตอนที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
- ขยายฐานการผลิตในภูมิภาค: ตั้งฐานในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเกาะไปกับ supply chain ระดับภูมิภาค
ปีศาจซัพพลายเชนผันผวน
หลังโควิด-19 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โลกเปลี่ยนจากโมเดล ‘Just-in-Time’ เป็น ‘Just-in-Case’ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานซับซ้อนและต้นทุนสูงขึ้น ข้อมูล World Bank ชี้ต้นทุนโลจิสติกส์ยังสูงกว่าก่อนโควิด 20-25% ความผันผวนจากสงครามและการโจมตีเส้นทางเดินเรือยังทำให้ต้นทุนคาดเดายาก มาตรการภาษีสหรัฐฯ ต่อจีนยิ่งบีบให้ผู้ผลิตต้องหาซัพพลายเออร์ใหม่เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาจีนมากเกินไป
ผู้ประกอบการไทยเผชิญต้นทุนพุ่งและเงินทุนจำกัด SME เสี่ยงหลุดจากระบบ Just-in-Time และห่วงโซ่อุปทานโลก หากไร้ความโปร่งใสและยืดหยุ่นในการจัดหาวัตถุดิบ
ปีศาจซัพพลายเชนเป็นบทเรียนสำคัญว่า ‘ความยืดหยุ่น’ สำคัญพอ ๆ กับ ‘ประสิทธิภาพ’ ผู้ประกอบการไทยจึงควรปรับตัวอย่างเป็นระบบ
- สร้างผู้จัดหาหลายทางเลือก (Dual Sourcing): กระจายแหล่งวัตถุดิบไปยังหลายประเทศ ลดการพึ่งพาเพียงจีนหรือประเทศเดียว
- ลงทุนในระบบดิจิทัลซัพพลายเชน: ใช้เทคโนโลยีติดตามการขนส่งและวัตถุดิบแบบ real-time เพื่อลดความเสี่ยงและคาดการณ์ปัญหาได้เร็วขึ้น
- เพิ่มมูลค่าในห่วงโซ่การผลิต: ไม่แข่งขันด้วยราคาหรือการเป็นฐานการผลิตต้นน้ำเท่านั้น แต่ยกระดับไปสู่ R&D, การออกแบบ และบริการหลังการขาย
- สร้างความร่วมมือเชิงเครือข่าย: จับมือกับผู้ประกอบการในอาเซียนเพื่อสร้างซัพพลายเชนภูมิภาคที่แข็งแรงและลดการพึ่งพาตลาดใหญ่เพียงไม่กี่ประเทศ
ปีศาจภาคการผลิตสะดุด
แม้ส่งออกต้นปี 2025 ดูดีขึ้น แต่ไม่สะท้อนกำลังการผลิตจริง ส่วนใหญ่มาจากการระบายสต็อกสินค้าเก่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 0.4% ต่ำกว่าคาดการณ์และค่าเฉลี่ยภูมิภาค ความท้าทายยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรม EV ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนเดิมขาดทุนสะสมเพราะปรับเทคโนโลยีไม่ทัน และต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากปัญหาขาดแคลนแรงงานในสังคมสูงวัย
สำหรับผู้ประกอบการ ภาพที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากการ ‘เดินบนเชือกเส้นบาง’ โรงงานขนาดใหญ่ลดกำลังการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุน ขณะที่ SME ภาคการผลิตประสบปัญหาออเดอร์หดตัวและเงินทุนหมุนเวียนไม่พอจ่ายค่าแรงและวัตถุดิบ ส่งผลให้ซัพพลายเออร์รายเล็กเสี่ยงหลุดจากห่วงโซ่อุตสาหกรรม
เพื่อรับมือกับปีศาจภาคการผลิต ผู้ประกอบการจำเป็นต้องยกระดับตนเอง ไม่ใช่เพียงรอการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ
- ลงทุนยกเครื่องเทคโนโลยีการผลิต: ใช้ automation และ robotics เพื่อลดต้นทุนระยะยาว และทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
- หันสู่สินค้ามูลค่าเพิ่มสูง: เช่น ชิ้นส่วน EV, อุปกรณ์การแพทย์, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง แทนที่จะพึ่งพาการผลิตสินค้า mass ทั่วไป
- สร้างพันธมิตรกับต่างชาติ: ร่วมมือกับผู้ลงทุนและผู้ผลิตจากประเทศที่มีเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสายการผลิตและเข้าถึงตลาดใหม่
- พัฒนาบุคลากรด้านเทคนิค: เร่งสร้างแรงงานทักษะสูงที่สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ได้
ปีศาจการท่องเที่ยวชะลอตัว
ท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์หลักพยุงเศรษฐกิจไทยช่วงสองปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 30 ล้านคนในปี 2024 สร้างรายได้กว่า 1.5 ล้านล้านบาท แต่ปี 2025 คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวอาจลดลง 7–8% เนื่องจากกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนลดลง ปัญหาความปลอดภัย และ PM2.5 ที่เป็นความเสี่ยงเชิงภาพลักษณ์ของไทย
นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจลดลง 10-20% หากปัญหามลพิษไม่ได้รับการแก้ไข ส่งผลให้รายได้หายไปหลายแสนล้านบาท ธุรกิจโรงแรม สายการบิน ร้านอาหาร ค้าปลีก และ SME ท้องถิ่นที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากกระแสเงินสดที่ตึงตัว
ภาคท่องเที่ยวเผชิญความท้าทายจากการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวที่ลดลง เฉลี่ย 48,000–50,000 บาทต่อทริป ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ที่เกิน 60,000 บาท ทำให้รายได้รวมไม่เพียงพอแม้จำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงกัน
ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่ ไม่อาจหวังเพียงการฟื้นตัวเชิงปริมาณเหมือนในอดีต
- เจาะตลาดคุณภาพสูง: พัฒนาบริการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียม เช่น wellness tourism, medical tourism หรือ digital nomads ที่มีศักยภาพใช้จ่ายสูง
- ยกระดับภาพลักษณ์เชิงสิ่งแวดล้อม: ลงทุนในมาตรการ green tourism และสร้างจุดขายเรื่อง ‘ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน’ แก้ปัญหามลพิษให้เห็นผลจริง
- กระจายตลาดต้นทาง: ลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวจีน กระจายไปยังอินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออกซึ่งมีดีมานด์เติบโต
- พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เป็นจุดหมายใหม่: ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวรองเพื่อเพิ่มมูลค่าและกระจายรายได้ ไม่ให้กระจุกอยู่แค่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต
ปีศาจภาคการส่งออกชะงักงัน
ปี 2025 แม้การส่งออกไทยจะเติบโตสูง (เม.ย. 10.2%, พ.ค. 18.4%) ทำให้ดูเหมือนฟื้นตัว แต่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไตรมาสแรกกลับหดตัว -1.61% และเฉลี่ย 4 เดือนแรกยังติดลบ -0.75% ซึ่งบ่งชี้ว่าการส่งออกมาจากสต็อกเก่าและการนำเข้าเพื่อส่งต่อ ไม่ใช่กำลังการผลิตใหม่ ทำให้โครงสร้างการส่งออกไม่ยั่งยืน
ผู้ประกอบการกำลังเผชิญภาพลวงตา ยอดส่งออกเพิ่มแต่ผลิตไม่เพิ่ม โรงงานหลายแห่งผลิตล้น แต่ลดต้นทุนคงที่ไม่ได้ ทำให้สภาพคล่องตึงตัว ผู้ผลิตรายเล็กเริ่มหายไป ผู้ประกอบการที่พึ่งสินค้า Mass แข่งราคาเสี่ยงสูงสุด
ผู้ประกอบการไทยต้องปรับกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ส่งออกที่ไม่สะท้อนความแข็งแกร่งที่แท้จริง และเสริมความแข็งแรงให้ภาคการผลิต หากไม่ต้องการถูกทิ้งไว้ข้างหลังในเวทีการค้าโลก
- เร่งปรับไปสู่สินค้ามูลค่าเพิ่มสูง เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า (EV), อุปกรณ์การแพทย์ และเทคโนโลยีเกษตรขั้นสูง
- ลงทุนในระบบอัตโนมัติและดิจิทัล เพื่อยกระดับการผลิต ลดต้นทุนระยะยาว และลดการพึ่งพาแรงงาน
- สร้างพันธมิตรกับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ และตลาดส่งออกที่กว้างขึ้น
- Reskill/Upkill แรงงาน ให้สอดรับกับการผลิตยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเข้มข้นมากขึ้น
- เสริมความโปร่งใสในซัพพลายเชน เพื่อลดความเสี่ยงการถูกกล่าวหาว่าเป็นการส่งออกสวมสิทธิ์ และสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าต่างประเทศ
ปีศาจทั้ง 10 และบททดสอบของผู้ประกอบการไทย
ในปี 2025 เศรษฐกิจไทยเผชิญ ‘10 ปีศาจ’ จากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้า ความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ และซัพพลายเชนหยุดชะงัก รวมถึงปัจจัยภายใน ได้แก่ ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง หนี้ครัวเรือนสูง สังคมสูงวัย และความสามารถในการแข่งขันที่ถดถอย ปัจจัยเหล่านี้รวมกันเป็น ‘Perfect Storm’ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่ำ ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น และกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว อย่างไรก็ตาม ยังมี ‘โอกาส’ สำหรับธุรกิจที่ปรับตัวได้รวดเร็ว
หัวใจสำคัญไม่ใช่การวิ่งหาการเติบโตอย่างเดียว แต่คือ ความสามารถในการยืดหยุ่น ปรับตัว และคิดล่วงหน้า ผู้ประกอบการที่กล้าเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งตลาดเดิม ๆ ไปสู่ตลาดใหม่ ยกระดับสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรม ใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ และสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ทั้งในและต่างประเทศ จะมีโอกาสฝ่ามรสุมปีศาจเหล่านี้ไปได้
ในโลกที่ ‘No Normal’ คือสภาวะปกติใหม่ การรอดพ้นจากปีศาจไม่ได้ขึ้นกับการหลีกหนี แต่ขึ้นกับการ เผชิญหน้าและปรับตัวอย่างชาญฉลาด ผู้ประกอบการไทยในปี 2025 จึงต้องไม่เพียงถามว่า ‘เราจะอยู่รอดอย่างไร’ แต่ต้องมองไปไกลกว่านั้นว่า ‘เราจะสร้างอนาคตใหม่ที่แข็งแรงกว่านี้ได้อย่างไร’
เรียนรู้ ปรับตัว และปลุกปีศาจผู้ประกอบการในตัวคุณ เพื่อเผชิญหน้าปีศาจเศรษฐกิจทั้ง 10 ได้ใน The Secret Sauce Summit 2025 วันที่ 16-17 กันยายนนี้ ณ UOB LIVE ชั้น 6, EMSPHERE ซื้อบัตรได้ที่ Zipevent
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/markets/asia/thai-factory-output-rises-217-yy-april-2025-05-30
- https://www.telenorasia.com/digital-lives-decoded/thais-embrace-ai-call-for-ethics-skills-and-human-oversight-telenor-asia
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thai-central-bank-cuts-rates-lowest-two-years-support-growth-2025-08-13
- https://www.imf.org/en/News/Articles/2025/04/09/cf-thailand-can-ease-household-debt-burden-by-using-coordinated-approach
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thailands-q2-growth-beats-forecast-faces-slowdown-h2-tariffs-2025-08-18
- https://www.wsj.com/articles/bank-of-thailand-resumes-rate-cuts-to-boost-economy-25b9dca7
- https://www.researchgate.net/publication/351628684_Developing_and_Validating_a_National_Logistics_Cost_in_Thailand
- https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2199853124002166
- https://www.focus-economics.com/countries/thailand/news/industrial-production/thailand-manufacturing-production-30-07-2025-manufacturing-activity-growth-eases-in-june
- https://www.the-independent.com/travel/asia/thailand/thailand-tourism-numbers-drop-b2804303.html
- https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thai-industrial-sentiment-falls-lowest-level-3-years-2025-08-19