วันนี้ (21 สิงหาคม) ที่ศาลรัฐธรรมนูญ สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้มาขออนุญาตศาล เพื่อขอรับฟังการไต่สวน ในคดีสำคัญที่คิดว่าคนไทยก็อยากได้ยินการถ่ายทอดสด แต่อาจมีข้อจำกัดบางประการ ศาลจึงให้พวกตนยื่นคำร้องเพื่อเข้าฟัง และจะมีการยื่นขอคำร้องเพิ่มเติม เพื่อขอเข้าฟังในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ด้วย
ส่วนการถ่ายทอดออกมาศาลได้อนุญาตบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าการไต่สวนวันนี้ ทั้งฝ่ายผู้ถูกร้องเอง และ ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นพยาน จะให้การตรงไปตรงมากับศาล ส่วนศาลก็คงมีประเด็นที่ได้รับคำร้องจาก สว. และไต่สวนเพิ่มเติมจากประเด็นอื่นๆ ของผู้เชี่ยวชาญ หรือจากคนกลาง ประกอบกับคำแถลงของนายกรัฐมนตรี และคงจะมีคำถามเพิ่มเติม เช่นเดียวกับพวกตนที่อยากมีคำถามเพิ่มเติม แต่เราไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ร้อง
สมชายกล่าวด้วยว่า ในวันนี้มาในฐานะผู้สังเกตการณ์ เพื่อติดตามไว้ใช้ทางกฎหมาย และเพื่อสอนหนังสือ และในฐานะที่ไปยื่นดำเนินคดีกับตำรวจสอบสวนกลางเรื่องคลิปสนทนา จะนำเรื่องนี้ไปประกอบข้อร้องเรียนและในสำนวนต่อไป
ทั้งนี้ การไต่สวนของศาลจะมีประเด็นใดบ้าง ต้องคาดเดาและคิดว่าจากประสบการณ์ศาลจะซักถามเรื่องความมั่นคง เนื่องจาก เลขาฯ สมช. เดินทางมาศาล ก็คือ 1 ใน 5 คน ที่นายกรัฐมนตรีอ้างถึงว่าจะกระทบความมั่นคงชายแดนหรือไม่อย่างไร และในวันที่ 6 มิถุนายน ที่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และที่ประชุมได้มอบหมาย ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพไปดำเนินการมาตรการ เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 16 มิถุนายน แต่บังเอิญวันที่ 15 มิถุนายน แพทองธารได้โทรศัพท์ไปหาสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก่อน
จากนั้น ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้โพสต์ข้อความว่า ไทยจะยอมเปิดด่าน ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ Professional จึง ทำให้สมเด็จฮุน เซน ได้ปล่อยคลิปเสียงในวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งแพทองธารยืนยันและยอมรับ ดังนั้นเรื่องความมั่นคงที่เราเห็น พี่น้องประชาชนทั้งประเทศเห็น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ก็เห็นว่าคลิปดังกล่าว ได้ทำให้เกิดข้อพิพาทโจมตีกันไปมาระหว่างผู้นำสองตระกูล และนำไปสู่การเคลื่อนกำลังทางทหาร การเข้าปะทะกับทหารไทยและมีการยิงจรวด BM-21 ใส่โรงพยาบาล 11 แห่ง มี ประชาชนล้มตายและทหารต้องสู้รบ
สมชายระบุอีกว่า ส่วนตัวจึงอยากจะฟังว่า ในเรื่องของความมั่นคงที่เลขาฯ สมช. จะชี้แจงต่อศาล เป็นไปเพื่อประโยชน์ความมั่นคงของชาติอย่างไร และตนมีความเชื่อมั่น ในตัวของเลขาฯ สมช. ว่าท่านเป็นดูแลความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ดูแลความมั่นคงของนักการเมือง
สมชายยังกล่าวด้วยว่า ตนได้อ่านข้อมูลของแพทองธารจากสื่อ ในการคำชี้แจงที่แถลงต่อศาล ต้องยอมรับว่าทีมทนายและทีมกฎหมายคงช่วยเขียน แต่ศาลคงซักในหลายเรื่อง เช่น ตำราของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ลอกมานั้นมีประเด็นไหนที่เป็นการเจรจาขั้นสูงเมื่อมีเหตุพิพาทชายแดนหรือการสู้รบ ที่สำคัญการเจรจาระหว่างผู้นำ แต่ละประเทศจะมีขั้นตอนที่ชัดเจน ว่าจะต้องมีการบันทึกเทปและการกลั่นกรองจากกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานความมั่นคง รวมถึงจะต้องมีบุคคลเหล่านั้นนั่งประชุมอยู่ด้วย จะไม่มีการโทรศัพท์ส่วนตัว จะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยในการเจรจาคอยส่งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีช่วยตอบ
ดังนั้นคลิปเสียงที่คน 65 ล้านคน ได้ฟังอย่างน้อยคนละ 2 รอบ ชัดเจนว่าเป็นส่วนที่มีข้อผิดพลาดและนำไปสู่การที่ สว. ยื่นคำร้อง ผิดจริยธรรมร้ายแรง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมืองหลายข้อ
สมชายยังกล่าวด้วยว่า เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ขอให้โชคดีแล้วกัน ถ้าท่านลาออกก่อนเชื่อว่าศาลจะจำหน่ายคดี ท่านก็จะปลอดภัย แต่ถ้าท่านยังไม่ลาออกในวันนี้ก็ยังมีเวลาอีก 7 วัน ก่อนถึงวันที่ 29 สิงหาคม ก็ยังมีเวลาตัดสินใจได้ ซึ่งตนขอแนะนำในฐานะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และผู้แก้ต่าง ที่เคยมาศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าแพทองธาร เชื่อมั่นในข้อมูลก็อยู่ต่อ รอศาลวินิจฉัย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ผลของคดีจะออกมาแบบอดีตนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ที่ตนมีส่วนร่วมตั้งแต่การยื่นคดีของนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน ทั้ง 3 คดีรวมกัน ยังมีความหนักเบาน้อยกว่า คดีของแพทองธารมัดรวมกัน ดังนั้นขอแนะนำอย่างเดียวในวันเกิดว่าขอให้ลาออก