วันนี้ (15 สิงหาคม) ที่กองทัพบก พล.อ. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ ออกมาแถลงโต้ข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ระบุว่าไทยใช้อาวุธเคมีโจมตี โดยยืนยันว่าไทยไม่มีอาวุธเคมีและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกเผยว่า ตนได้รับการแต่งตั้งจากองค์การสหประชาชาติให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี และเคยเป็นผู้ตรวจอาวุธเคมีในอิรักตั้งแต่ปี 2534 อาวุธเคมีถูกควบคุมภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีและพิธีสารเจนีวา 1925 ซึ่งไทยและกัมพูชาเป็นภาคีร่วมกัน กำหนดห้ามผลิต สะสม และบังคับให้ทำลายหากมีในครอบครอง
กรณีข้อกล่าวหาล่าสุด พระองค์เจ้าเฉลิมศึกระบุว่า ภาพที่กัมพูชาใช้เป็นหลักฐานเป็นภาพเครื่องบินโปรยของเหลวสีแดง ซึ่งตรวจพบว่าเป็นภาพจากเหตุการณ์ดับไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ไม่เกี่ยวข้องกับไทยแต่อย่างใด แม้ถูกจับได้ว่าเป็นภาพปลอม แต่ยังพบว่ามีทหารกัมพูชาใส่หน้ากากถ่ายภาพเผยแพร่ต่อในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เพื่อรื้อฟื้นประเด็นเดิมและสร้างความเข้าใจผิดในเวทีนานาชาติ
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกย้ำว่า หากกัมพูชามีหลักฐานการใช้อาวุธเคมีจริง ต้องร้องเรียนต่อองค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ที่กรุงเฮก พร้อมส่งหลักฐานทั้งทางการแพทย์และสิ่งแวดล้อม เช่น ตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ ดิน น้ำ หรือใบไม้ที่ปนเปื้อนเพื่อพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับ แต่จนถึงปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้ดำเนินการใด นอกจากกล่าวหาลอยๆ
ต่อคำถามว่านานาชาติจะเชื่อคำชี้แจงของไทยหรือไม่ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกตอบว่าหลายประเทศไม่เชื่อข้อกล่าวหาของกัมพูชาเพราะถูกจับได้ว่าเป็นเท็จ แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ไม่ชัดเจนหรืออาจมีแรงจูงใจอื่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจง และหากต้องการความช่วยเหลือด้านเทคนิค ตนก็พร้อมร่วมชี้แจง
พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยังกล่าวให้กำลังใจทหารทุกเหล่าทัพและตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดน พร้อมยืนยันว่าไทยมีประวัติสะอาด การออกมาแถลงวันนี้ก็เพื่อยุติความเข้าใจผิด เพราะ “รำคาญเสียงนกเสียงกา” จากฝั่งกัมพูชาที่เล่นประเด็นนี้ไม่เลิก
สำหรับคำถามเกี่ยวกับโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาที่ให้ข้อมูลเท็จบ่อยครั้ง พระองค์เจ้าเฉลิมศึกกล่าวว่า “เขามีเจ้านาย เจ้านายสั่งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่งั้นก็โดนไล่ออก” และปฏิเสธตอบคำถามเรื่องผู้นำกัมพูชาที่มีอำนาจชี้ขาดในปัญหาชายแดน โดยระบุว่าไม่ต้องการตอบนอกเรื่องอาวุธเคมีเพื่อไม่ไปแย่งงานคนอื่น
ทั้งนี้ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยอมรับว่าการโฆษณาชวนเชื่อของกัมพูชาส่งผลได้ทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ จึงต้องอาศัยการทำงานเชิงรุกของกระทรวงการต่างประเทศควบคู่กับข้อมูลเทคนิคที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ