ผ้าไหมไทยกำลังถูกตีความใหม่ในโลกแฟชั่น ในคอลเลกชัน ‘S’CRAFT: Craftsmanship 2025’ ผืนผ้าอันทรงคุณค่ากำลังถูกยกระดับให้กลายเป็นงานศิลปะร่วมสมัย ที่ไม่เพียงถ่ายทอดรากวัฒนธรรมของท้องถิ่น แต่ยังตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์และลวดลายที่เข้ากับบริบทปัจจุบัน ผ่านความร่วมมือระหว่างแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ ICONCRAFT ที่นำผ้าไหมจาก 4 ภาคของไทยมารังสรรค์เป็นกระเป๋ากว่า 88 ใบ ภายใต้คอนเซปต์ Royal Weave
THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยกับ 4 บุคคลสำคัญผู้ร่วมรังสรรค์ผลงานครั้งนี้ ทั้งศิลปินผู้ออกแบบลายผ้า และช่างฝีมือ เพื่อเปิดเผยเบื้องหลังความประณีตของแต่ละผืนผ้า แรงบันดาลใจในการออกแบบ และแนวคิดในการยกระดับหัตถกรรมไทยสู่เวทีสากล
เบื้องหลังผ้าไทยจาก 4 ภาค
“ผ้าที่ใช้ในคอลเลกชันนี้ส่วนใหญ่เป็นผ้าที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงซื้อเก็บไว้จากชาวบ้านและชุมชนทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมคุณค่าของผ้าไหมไทย และสร้างรายได้ให้กับชุมชน” ประยุทธ ศิริกุล ช่างปักจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์
ภายใต้ S’CRAFT: Craftsmanship 2025 ครั้งนี้ ได้คัดสรรผ้าไทยจาก 4 ภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ผ้าทอจากภาคเหนือที่อบอวลด้วยกลิ่นอายชนเผ่าและวิถีชีวิตดั้งเดิม, ผ้ามัดหมี่จากภาคอีสาน โดดเด่นทั้งลวดลายและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์, ผ้าบาติกจากภาคใต้ที่ใช้เทคนิคการเขียนเทียน และผ้าทอจากภาคกลางซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมและงานหัตถกรรมโบราณ
ผ้าไหมไฮไลต์จากศิลปินชั้นครู สู่คลัตช์สุดพิเศษของปี
อีกไฮไลต์ของ S’CRAFT: Craftsmanship 2025 ในปีนี้ คือ ‘Luxe de Siam Exclusive Edit Clutch’ กระเป๋าคลัตช์ 2 ใบพิเศษที่ใช้ผ้าทอจากฝีมือของ อาจารย์มีชัย แต้สุจริยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ และอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดินผู้ก่อตั้งแบรนด์จันทร์โสมา
อาจารย์มีชัย เป็นผู้ก่อตั้ง ‘บ้านคำปุน’ แหล่งผลิตและอนุรักษ์ผ้าไหมโบราณในจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นผู้คิดค้นลวดลายอันโด่งดังอย่างผ้ากาบบัว สำหรับคอลเลกชันนี้
อาจารย์มีชัยบรรจงรังสรรค์ผ้าผืนพิเศษด้วยเทคนิคขั้นสูงและความตั้งใจอย่างลึกซึ้ง
อาจารย์มีชัย แต้สุจริยา
“ผ้าผืนนี้เป็นผ้ามัดหมี่สอดไหมคำ ลายสิริวชิราภรณ์ที่ผมออกแบบขึ้นเอง โดยใช้เทคนิคจกแบบดั้งเดิมของชาวอุบลราชธานี ผสมผสานกับเส้นไหมคำเพื่อให้เกิดมิติ ผ้ามีความแน่นหนา ยับยาก และเลือกใช้สีครั่งจากธรรมชาติ ซึ่งให้ทั้งความงามและสื่อถึงภูมิปัญญาดั้งเดิม”
ไม่เพียงตั้งใจสืบทอดหัตถกรรมดั้งเดิม อาจารย์มีชัย ยังเผยถึงอีกหนึ่งความตั้งใจอันลึกซึ้งในการออกแบบผ้าผืนนี้ว่า
“ผมอยากให้ผืนนี้เป็นตัวแทนของความจงรักภักดีจากชาวอุบลราชธานีต่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และแสดงให้เห็นว่าผ้าไทยไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเดิม ควรเป็นของที่ใช้ได้จริง ภาคภูมิใจได้ และควรได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านตลาด โอกาส และการให้ความรู้”
ขณะที่ผ้าอีกผืนหนึ่งที่งดงามไม่แพ้กัน ออกแบบโดยอาจารย์วีรธรรม ครูศิลป์ของแผ่นดินจากจังหวัดสุรินทร์ เลือกใช้ผ้ายกทอเพื่อสะท้อนความวิจิตรของหัตถกรรมโบราณ
อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย
“ผ้าที่เลือกใช้มาจากกลุ่มจันทร์โสมา จังหวัดสุรินทร์ เป็นผ้าไหมยกทองที่ออกแบบลวดลายแบบราชสำนักโบราณ โดยใช้ลายแก้วชิงดวง ซึ่งเป็นวงกลมซ้อนกันคล้ายกลีบดอกไม้ ที่เมื่อใส่ลวดลายกระจังและกระหนกไทยลงไป ก็กลายเป็นงานที่มีความเป็นไทยแท้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร่วมสมัยและเป็นสากล”
นอกจากนี้อาจารย์วีรธรรมยังเสริมอีกว่า
“การทอผ้าผืนนี้ต้องใช้คนทอพร้อมกันถึง 4 คน ใช้ตะกอแนวตั้ง เนื่องจากกระบวนลายซับซ้อนมาก และสิ่งที่พิเศษที่สุดคือ ใช้สีธรรมชาติสูตรดั้งเดิมของหมู่บ้านท่าสว่าง ซึ่งเป็นแหล่งทอผ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ”
ร้อยเรื่องราวผ่านฝีเข็มและงานปัก
ในอีกฟากของการสร้างสรรค์กระเป๋าผ้าไหมในคอลเลกชันนี้ ทีมช่างปักจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy คือผู้ที่นำผืนผ้าแต่ละภาคมาถ่ายทอดต่อเป็นผลงานที่มีมิติ ทั้งในเชิงสายตาและความรู้สึก ผ่านการปักที่ไม่ได้มีไว้เพื่อความงามเท่านั้น แต่คือการ ‘เล่าเรื่อง’ ด้วยวัสดุและเทคนิคที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
ประยุทธ ศิริกุล และ ดลพร เกษมโกศลศรี
ช่างปักจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy
ประยุทธ ศิริกุล และ ดลพร เกษมโกศลศรี ช่างปักจาก SIRIVANNAVARI Atelier & Academy เล่าร่วมกันว่า งานแต่ละชิ้นมีต้นทางจากผ้าที่มีเรื่องราวอยู่แล้ว หน้าที่ของพวกเขาคือทำให้ผืนนั้นเปล่งประกายออกมาผ่านฝีเข็มที่เข้าใจเนื้อแท้ของวัฒนธรรม
- ภาคเหนือ: ใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ลูกเดือย ลูกปัดไม้ และคริสตัล เพื่อยกระดับผ้าจากชาวเขา ทีมช่างปักยังขึ้นโครง 3 มิติให้ลวดลาย เช่น ฟอร์มผีเสื้อ หรือตุ้งติ้งที่พลิ้วไหว เพื่อให้ผ้ามีชีวิตและเชื่อมโยงกับธรรมชาติของพื้นที่
- ภาคอีสาน: ดึงแรงบันดาลใจจาก ‘ผ้าแส่ว’ หรือผ้าตัวอย่างที่ชาวบ้านใช้เก็บลวดลาย หยิบลายเดิมมาตีความใหม่ให้ดูร่วมสมัย วัสดุที่ใช้ เช่น คริสตัล ปล้องอ้อย และลูกปัดแก้ว ที่ทำให้ลายผ้าให้โดดเด่นขึ้น
- ภาคใต้: ใช้ผ้าบาติกเขียนเทียนเป็นฐาน และต่อยอดด้วยวัสดุจากท้องทะเล เช่น เปลือกหอย หิน และลูกปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากพืชใต้น้ำ
- ภาคกลาง: เลือกใช้ดิ้นทอง ดิ้นเงิน และเทคนิคการปักชุดโขน สะท้อนความประณีตแบบราชสำนักไทย
พื้นที่ที่ให้คุณค่ากับงานคราฟต์ไทย
เมื่อพูดถึงเบื้องหลังความสำเร็จของคอลเลกชัน S’CRAFT: Craftsmanship 2025 ทุกเสียงต่างยืนยันตรงกันว่า ICONSIAM โดยเฉพาะพื้นที่ ICONCRAFT คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ผลงานเหล่านี้ถูกนำเสนออย่างเฉิดฉาย
“มีน้อยมากที่ห้างสรรพสินค้าจะมองเห็นคุณค่าของงานฝีมือไทย ไม่ใช่แค่ให้พื้นที่ขาย แต่ให้พื้นที่เล่าเรื่องและให้เกียรติกับวัฒนธรรมอย่างแท้จริง”
อาจารย์วีรธรรม เผยถึงความประทับใจต่อ ICONCRAFT ในฐานะพื้นที่ที่ให้คุณค่างานหัตถกรรมไทย
ขณะที่อาจารย์มีชัย เสริมว่า
“ICONCRAFT ช่วยเปิดโลกให้คนเห็นว่าไหมไทย มีศักยภาพแค่ไหน ที่ผ่านมาเราขาดการให้ความรู้ ขาดเวทีที่เปิดโอกาสอย่างจริงจัง ที่นี่คือคำตอบของสิ่งนั้น”
ICONCRAFT ในความหมายของผู้สร้างสรรค์จึงไม่เพียงเป็นสถานที่ขายสินค้าหัตถกรรม แต่ยังทำหน้าที่ส่งต่อจิตวิญญาณของช่างฝีมือ วัฒนธรรม และงานคราฟต์ของไทยสู่สายตาคนไทยและชาวต่างชาติอย่างเข้าใจบริบทปัจจุบัน
อนาคตศิลปะไทยสู่สายตาชาวโลก
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะของศิลปินผู้ออกแบบ ผู้สร้างสรรค์หรือช่างฝีมือ ทุกคนที่มีส่วนร่วมในคอลเลกชันนี้ล้วนมีความเชื่อร่วมกันว่า งานคราฟต์ไทยมีอนาคต หากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม พร้อมเปิดพื้นที่ให้เติบโตอย่างสร้างสรรค์
“อุตสาหกรรมงานคราฟต์มีโอกาสอีกมาก ไม่ว่าจะต่อยอดสู่แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ร่วมสมัยขึ้น สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การบอกเล่าว่าผ้าไทยคืออะไร แต่ต้องทำให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจกับการใช้ผ้าไทยอย่างแท้จริง” ประยุทธ กล่าวอย่างจริงใจ
ขณะที่อาจารย์มีชัย ทิ้งท้ายถึงอนาคตของผ้าไทยไว้ว่า
“สิ่งที่ผมอยากเห็นที่สุด คือการที่ผ้าไทยมีมูลค่าในใจคน ใช้ได้จริง ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง และมีระบบที่คอยสนับสนุนให้เดินหน้าต่อได้ ไม่ใช่แค่ได้รับคำชม แล้วหายไปจากสายตาผู้คนในเวลาไม่นาน”
ชื่นชมและเลือกซื้อกระเป๋าผ้าไหมไทยในคอลเลกชัน S’CRAFT:Craftsmanship 2025 ได้ที่ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2568
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: ICONCRAFT