วันนี้ (30 กรกฎาคม) ที่ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สาม (ครั้งที่ 5) พ.ศ. 2568 มีประเด็นหลักคือการพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พ.ศ. ….
ที่เสนอโดย เอกวิน โชคประสพรวย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตราชเทวี และร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พ.ศ. …. ที่เสนอโดย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
เอกวิน ได้อธิบายถึงเหตุผลในการเสนอร่างข้อบัญญัติของตนว่า ที่ผ่านมาศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของ กทม. ยังขาดข้อบัญญัติที่เป็นของตนเอง ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณดำเนินการโดยกรรมการชุมชน ซึ่งส่งผลให้งบประมาณไม่เพียงพอและเกิดความเหลื่อมล้ำในการดูแลเด็กอย่างมาก แม้ กทม. จะเพิ่มงบประมาณสำหรับค่าอาหารและค่านมแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
เอกวินยังเน้นย้ำถึงปัญหาด้านสวัสดิการและเงินเดือนของครู รวมถึงอาสาสมัครในชุมชนที่ยังขาดงบประมาณ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งไม่เคยมีงบประมาณรองรับ ทำให้ครูอาสาต้องนำงบประมาณจากค่าอาหารมาใช้ ร่างข้อบัญญัติฉบับนี้จึงถูกเสนอขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง และเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้เด็กในศูนย์ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารต่อ
ด้านชัชชาติ ชี้แจงหลักการของร่างข้อบัญญัติที่เสนอโดยฝ่ายบริหารว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในปัจจุบันรองรับเฉพาะศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบของ กทม. เท่านั้น ทำให้เด็กที่อยู่นอกชุมชนไม่ได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม การออกข้อบัญญัติฉบับใหม่นี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ในการอภิปราย สมาชิกสภากรุงเทพมหานครหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม พีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท กล่าวถึงปัญหาที่เรื้อรังมาทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของผู้ดูแลเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันผู้ดูแลเด็กยังไม่มีสวัสดิการใดๆ และหลายคนมีอายุมากเกินไปสำหรับการดูแลเด็ก จึงอยากให้มีการระบุเรื่องเหล่านี้ไว้ในข้อบัญญัติด้วย
วิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างศูนย์ที่จัดตั้งโดยชุมชนและศูนย์ที่จัดตั้งโดย กทม. และสอบถามถึงแนวทางที่จะสร้างความมั่นคงในสถานภาพของผู้ดูแลเด็กเล็ก
ผู้ว่าฯ ชัชชาติได้ชี้แจงว่ามีการปรับขึ้นค่าตอบแทนอาสาสมัครตามวุฒิการศึกษาและอายุการทำงาน ซึ่งทำให้สถานการณ์ดีขึ้น และระเบียบเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายกฎหมาย
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเพิ่มเติมว่าการดูแลเด็กเล็กของ กทม. แบ่งเป็นส่วนที่อยู่ภายใต้อำนาจของ กทม. โดยตรง เช่น โรงเรียนอนุบาล และส่วนที่อยู่นอกเหนือการดูแล ซึ่งมีการกระจายอำนาจให้ชุมชนเป็นผู้ดูแลตามข้อบัญญัติชุมชน
วิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ แสดงความห่วงใยถึงความมั่นคงในอาชีพของพี่เลี้ยงเด็ก เนื่องจากมีความรับผิดชอบสูงแต่ค่าตอบแทนไม่มากนัก และเสนอแนวคิดให้บุคลากรเหล่านี้เข้ามาเป็นลูกจ้างประจำหรือลูกจ้างชั่วคราวก่อน
กนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดในการใช้งบประมาณเพื่อปรับปรุงสถานที่ และฝากให้พิจารณาเรื่องการใช้พื้นที่สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนด้วย
หลังจากการอภิปราย สภา กทม. ได้มีมติเห็นชอบรับหลักการร่างข้อบัญญัติทั้งสองฉบับ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญจำนวน 10 คน เพื่อพิจารณารายละเอียดต่อไป พร้อมกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 7 วันทำการ และกำหนดให้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน