×

ยานนิก ซินเนอร์ จากเวลา 35 วันที่พลาดเฟรนช์โอเพน สู่การล้างตาในวิมเบิลดัน

14.07.2025
  • LOADING...
ยานนิก ซินเนอร์ ฉลองชัยชนะในวิมเบิลดัน 2025 หลังเอาชนะอัลการาซ คว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 4 ของเขาได้สำเร็จ

ภาพที่ยานนิก ซินเนอร์ นั่งอย่างเจ็บปวดหลังพ่ายในศึกเฟรนช์โอเพน ต่อ คาร์ลอส อัลการาซ 2-3 เซต ชนิดมีโอกาสได้แชมป์อยู่ตรงหน้า แต่ปล่อยให้มันหลุดมือไปต่อตา ยังคงเป็นภาพที่ใครหลายคนจำได้ดี

 

เวลา 35 วันผ่านไป ซินเนอร์ ต้องมาเจอกับคู่ปรับที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาในโรลังด์ การ์รอส อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ ผลลัพธ์แตกต่างออกไป

 

ซินเนอร์ ออกสตาร์ทเซตแรกในวิมเบิลดัน ได้แตกต่างจากที่เฟรนช์โอเพน เพราะเขาเสียเซตแรกอย่างน่าเจ็บปวด หลายคนมองเห็นภาพฝันร้ายซ้ำซ้อนของ ซินเนอร์ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวิมเบิลดัน หลัง อัลการาซ เล่นเกมป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม

 

ในเซตแรกเราได้เห็น อัลการาซ รีเทิร์นเสิร์ฟได้อย่างเฉียบขาดใส่ลูกเสิร์ฟที่มีความเร็วถึง 178 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ ซินเนอร์ และทำให้สุดท้ายเขาต้องเสียเกมเสิร์ฟ 2 เกมติดในช่วงท้ายเซต ส่งผลให้พ่ายไปก่อน 4-6 ในเซตแรก

 

แต่หลังจากเสียเซตแรก ซินเนอร์ แสดงความมุ่งมั่นแบบ ‘Now or Never’ ออกมาในเซตที่ 2 โดยแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าที่เคยทำในการแข่งขันทั้งทัวร์นาเมนต์ เขาได้เบรกแรกของเซตตั้งแต่เกมเสิร์ฟแรกของนักหวดสเปน และนั่นกลายเป็นเพียงเบรกเสิร์ฟครั้งเดียวที่เกิดขึ้นตลอดเซตที่ 2 ส่งผลให้เกมกลับมาเสมอกันที่ 1-1

 

ซินเนอร์ ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเวลาวิกฤติของแต่ละเกม เขาแสดงอารมณ์ด้วยการตะโกนออกมา และแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็น ‘นักสู้’ โดยเปอร์เซ็นต์การโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นจาก 25% ในเซตแรกเป็น 38% ในเซตที่สอง และเปอร์เซ็นต์การเสิร์ฟแรกก็เพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 67%

 

โดยปกติแล้ว ความหลากหลายของ อัลการาซ โดยเฉพาะดร็อปช็อต ที่ทำได้แทบจะไร้ที่ติ มักจะสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งได้เสมอมา โดยเฉพาะในคอร์ตหญ้า ซึ่งทำให้เขาคว้าแชมป์รายการนี้มาได้ 2 สมัยติดใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในเกมนี้ นักหวดวัย 22 ปีประสบปัญหาในการใช้ดร็อปช็อตของเขาอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความได้เปรียบด้านความหลากหลายของเขาลดลง

 

การแข่งขันที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นการดวลกันแบบตรงๆ จากท้ายคอร์ต ซึ่งเป็นจุดที่ซินเนอร์ทำได้ดีมาตลอดทัวร์นาเมนต์ และคงไม่เป็นการกล่าวเกินไปหากจะบอกว่า อัลการาซ ต้องมาเล่นในเกมของ ซินเนอร์

 

นอกจากนี้ แม้ อัลการาซ จะเสิร์ฟเอซได้มากกว่า ซินเนอร์ เกือบเท่าที่ 15 ครั้ง ต่อ 8 ครั้งและมีการเสิร์ฟที่ไม่ถูกรีเทิร์นมากกว่า แต่การเสิร์ฟแรกของ ซินเนอร์ ทำให้เขามีจังหวะในการโจมตีได้ดีกว่า ซึ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเมื่อต้องมาเล่นเกมเสิร์ฟ 2 กลายเป็น ซินเนอร์ ที่ทำได้ดีกว่า ตรงข้ามกับ อัลการาซ ที่ประสบปัญหาในการเสิร์ฟลูกที่สองบนคอร์ตหญ้า โดยเสียไปถึง 7 ดับเบิลฟอลต์ และมีเปอร์เซ็นต์ได้แต้มจากเสิร์ฟ 2 แค่ 51% เท่านั้น

 

ซินเนอร์ เคยเจอกับความเจ็บปวดจากการพลาดแชมป์เฟรนช์โอเพน เมื่อ 35 วันที่ผ่านมา ทั้งที่มีโอกาสถึง 3 แชมเปียนชิปพอยต์ และในเซตที่ 4 ของวิมเบิลดัน ซินเนอร์ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกันเมื่อเขาเสิร์ฟเสียในขณะที่นำ 4-3 และอัลการาซ มีโอกาสในมือถึง 2 เบรกพอยต์

 

อย่างไรก็ตาม ซินเนอร์ สามารถเซฟเบรกพอยต์ทั้ง 2 ครั้งได้ด้วยการเสิร์ฟที่ทรงพลังที่แรงกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในที่สุดก็สามารถเสิร์ฟปิดเกมได้ที่ 5-4 ในเซตที่สี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้ที่โรลังด์ การ์รอส

 

แม้ อัลการาซ จะเซฟแชมเปียนชิปพอยต์แรกได้ แต่ ซินเนอร์ ก็ปิดเกมด้วยการเสิร์ฟที่ อัลการาซ แทบจะรับไม่ได้ ทำให้ ซินเนอร์ ล้างตาความเสียใจที่เขาได้รับเมื่อราว 1 เดือนก่อนได้สำเร็จ ด้วยผล 4-6, 6-4, 6-4 และ 6-4 ในแมตช์ที่กินเวลาไป 3 ชั่วโมงกับ 6 นาที

 

ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นแชมป์วิมเบิลดันครั้งแรกของซินเนอร์ และเป็นแชมป์แกรนด์สแลมที่ 4 ในอาชีพของเขา โดยชัยชนะนี้ ยังเป็นการยุติความพ่ายแพ้ต่อเนื่องต่อ อัลการาซ ไว้ที่ 5 เกม ซึ่งหากนับเวลาที่เขาเป็นฝ่ายแพ้ต่อ อัลการาซ ฝ่ายเดียว ก็ยาวนานกว่า 2 ปี

 

ก่อนการแข่งขันครั้งนี้ อัลการาซ มีสถิติการพบกันที่เหนือกว่าซินเนอร์ ด้วยสถิติชนะ 8 แพ้ 4 แต่ชัยชนะในวิมเบิลดันของ ซินเนอร์ ทำให้สถิติของนักหวดอิตาลี ไล่มาเป็น ชนะ 5 แพ้ 8 ด้วย

 

นอกจากนี้ แชมป์วิมเบิลดัน ก็ยังเป็นการได้แชมป์แกรนด์สแลมแรกของซินเนอร์ บนคอร์ตที่ไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ต เพราะชัยชนะในแกรนด์สแลม 3 ครั้งก่อนหน้านี้ของเขา เกิดขึ้นในออสเตรเลียนโอเพน 2024, 2025 และ ยูเอสโอเพน 2024 ซึ่งเป็นฮาร์ดคอร์ตทั้งหมด

 

แถม ซินเนอร์ ยังกลายเป็นนักเทนนิสอิตาลีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ในออลอิงแลนด์คลับได้สำเร็จด้วย โดยที่ผ่านมา แม้จะมีทั้ง มัตเตโอ แบร์เร็ตตินี ในประเภทชายเดี่ยว และ จัสมิน เปาลินี ในประเภทหญิงเดี่ยว ที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่ก็ยังไม่มีใครได้ชูโทรฟีแชมป์เลย

 

ซินเนอร์ จะได้รับเงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 130 ล้านบาทจากการคว้าแชมป์วิมเบิลดัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ภาษีระบุว่า เงินรางวัลของเขาจะถูกหักเกือบครึ่งเพื่อใช้ชำระภาษีในสหราชอาณาจักร ที่มีภาษีเงินรางวัลเริ่มต้นที่ 20% และสูงสุดถึง 45%

 

รายงานระบุว่า เงินรางวัล 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐของวิมเบิลดัน มีอัตราภาษีประมาณ 36.52% ซึ่งจะทำให้เงินรางวัลลดลงเหลือราว 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 81 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลอยู่ดี

 

การเจอกันของ อัลการาซ และ ซินเนอร์ กำลังจะกลายเป็นภาพที่ชินตาของแฟนๆ เทนนิส และมีศักยภาพที่จะกลายเป็นคู่ปรับแห่งยุคสมัย ซึ่งอาจจะต้องเจอกันอีกหลายครั้งในหลายปีข้างหน้า

 

ชัยชนะของ ซินเนอร์ เหนือ อัลการาซ ยังทำให้อันดับโลก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อไป และเขายังคงรั้งมือวางอันดับ 1 ของโลกเหนือคู่ปรับจากสเปนรายนี้ต่อไป แถมโอกาสการเปลี่ยนแปลงอันดับนี้ กว่าจะมาถึงอีกครั้ง เห็นจะเป็น ยูเอส โอเพน ที่จะเปิดฉากในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้เลยทีเดียว

 

ภาพ: Adam Davy/PA Images / Getty Images

อ้างอิง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising