×

ทักษิณชี้การเมืองไทยไม่มีทางตัน เผยกลฮั้ว สว. วางแผนตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สส. มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง ไม่ปิดประตูจับมือภูมิใจไทย

โดย THE STANDARD TEAM
10.07.2025
  • LOADING...

วานนี้ (9 กรกฎาคม) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ ‘55 ปี NATION: ผ่าทางตันประเทศไทย’ Exclusive Talk กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก. ที่ 4 ตอบ

 

ก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญทักษิณขึ้นบนเวที โดยทักษิณกล่าวว่า วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ ขณะเดียวกันพิธีกรได้ถามทักษิณว่า ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด ด้านทักษิณกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปี ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”

 

จากนั้นเข้าสู่การถ่ายทอดสด โดยพิธีกรได้สอบถามว่า วันนี้ประเทศถึงทางตันหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า มีคนอุดไว้มันถึงจะตัน แต่เหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่า เมืองไทยคนอยากเป็นนายกฯ จำนวนมาก มีบางคนที่ลูกชายไปเที่ยวเมืองนอกก็ประกาศเลยว่า พ่อจะต้องเป็นนายกฯ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคนที่อยากเป็นนายกฯ จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้หมอดูแม่น ส่วนจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่นั้นตนไม่รู้

 

ทักษิณกล่าวอีกว่า การเมืองมีหลายรูปแบบโดยเฉพาะเรื่องนิติสงคราม บางทีก็เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์ทางการเมือง ซึ่งการที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาลไม่ได้ขอให้ออก เพียงแต่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงาน เพราะชอบสู้ด้วยนโยบายแถลงไปแล้วก็ต้องพยายามผลักดัน แต่มันไปติดที่กระทรวงมหาดไทย หลายนโยบาย ทั้งยาเสพติด หนี้ และการแก้ไขปัญหาความยากจน OTOP ต้องอาศัยกลไกของมหาดไทย แม้กระทั่งเรื่องสร้างบ้านให้คนไทย ที่ต้องทำสัญญา 99 ปี ก็ต้องผ่านกระทรวงมหาดไทย

 

“พูดให้ชัดเจน พรรคเพื่อไทยบอกว่าขอมหาดไทยคืน แต่เขาไม่ตกลง เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกหรือไม่ นายกฯ เล่าให้ผมฟังว่า ยังอยากให้เขาอยู่ตรงนี้ อยู่ทำด้วยกัน พอดีมีเหตุ ฮุน เซน ก็ได้จังหวะเตะลูกพร้อม” ทักษิณกล่าว

 

ส่วนจะมีการประสานกันระหว่างกัมพูชาในไทย กับกัมพูชาในกัมพูชาหรือไม่ ทักษิณ กล่าวว่า “ผมไม่กล้าจะไปปรักปรำใคร มันบังเอิญ” พร้อมย้ำว่า การแก้ไขทางตันนั้นต้องแก้ไปด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง ยืนยันเสถียรภาพรัฐบาลยังไม่ใช่ทางตัน

 

ส่วนเรื่อง สว. ที่โดนกล่าวหาว่ามีการฮั้ว ต้องใช้คำว่าโกงเลือกตั้ง เรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าไม่มีจริยธรรม แล้วจะมาร้องจริยธรรม ทำให้รัฐบาลล่มให้ทันเดือนกรกฎาคม กลายเป็น zero-sum game (สมบัติผลัดกันชม) แล้วเป็น Race Against Time (แข่งกับเวลา)

 

“ผมถามเรื่อง สว. พรรคร่วมรัฐบาลจะเอายังไงกันดี ทุกคนบอกไม่มีใครยุ่ง แต่ผมเห็นมีรายงานการสืบสวนที่เขาเล่าให้ผมฟังว่ามีเตรียมการตั้งแต่เลือกตั้ง สส. ผมตกใจสุดขีดว่า วิสัยทัศน์เขาดีมาก เลือกตั้งก่อนแล้วใครคุม สส. 15 คน จะได้โควตา สว. 1 คน” ทักษิณกล่าว

 

ส่วนเรื่องเสียงในสภาฯ ที่ปริ่มน้ำจะต้องทำอย่างไรนั้น ทักษิณกล่าวว่า ก็ต้องบริหารและเพิ่มคนไป และต้องร้องเพลงว่า “ฉันป่าวนะเขามาเอง” เรารักทุกๆ คน พร้อมชี้ว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้แบก ถือเป็นความท้าทาย

 

“เราอยู่ในโลกที่มีกติกาก็ต้องเคารพกติกา แต่เมื่อศาลบอกว่าให้พักปฏิบัติหน้าที่เราก็พักซะ แต่คนมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นเรื่องที่เราต้องทำตามกติกา ถ้าเราไม่เคารพกติกาไปบิดเบือนกติกา มันก็อยู่ด้วยกันยาก” ทักษิณ กล่าว

 

ส่วนถ้าคนชกนอกกติกา ทักษิณกล่าวว่า ก็กระทืบเท้าเขา จะกระทืบตัวเองทำไม สมัยนี้นิติสงครามไม่เหมือนเดิม ไม่แรงกว่าเดิม สมัยก่อนมีระบบสั่งการและควบคุม สมัยนี้ร้องและทำหน้าที่พิจารณา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำตาม เพราะระบบยังมีกติกาอยู่ แม้จะหยุมหยิมแต่มีหลักมีเกณฑ์กว่าสมัยก่อน

 

ส่วนที่องค์กรอิสระไม่กี่คนมาตัดสินก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าเราเข้ามาแล้วมีกติกาแบบนี้ ก็ต้องเดินไปก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราโดนจนชินแล้ว ก็ต้องสู้ไป แก้ไป อะไรแก้ได้ก็แก้ อะไรแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ในกติกานั้น

 

ทักษิณมองว่า การหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงสนทนา เพื่อลดกระแสมากกว่า เป็นคนละเรื่องกับการตัดสิน ทั้งนี้มั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็อธิบายได้หมดทุกอย่าง

 

ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ออกไป ทักษิณกล่าวว่า เพราะคิดว่าแพทองธารไม่รอดนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปทำอะไร หากไปสุมหัวจะตั้งรัฐบาลแล้วก็ขอให้จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด เป็นสิ่งตนเดาอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวไม่อยากให้พรรคภูมิใจไทยออก แต่เขาอยากออก เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็อย่าไปเสียใจ เราไม่สามารถควบคุมได้ ถึงอย่างไรเราก็อยู่ได้ เพราะแลกกระทรวงอื่นเขาก็ไม่เอา จะเอากระทรวงมหาดไทยกับคมนาคม ส่วนเหตุผลที่ไม่ให้นั้นเพราะเรารู้อดีตเขา

 

ส่วนหากย้อนกลับไปแล้วผิดหวังกับพรรคภูมิใจไทย โดยรอบแรกปี 2551 ที่พรรคแยกออก ไปตั้งพรรคของตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนรอบนี้ก็ผิดหวังอีกนั้น ทักษิณกล่าวว่า การเมืองต้องเข้าใจว่า บ้านเรามีกฎไว้เลี่ยง แต่เมื่อกลับมาส่วนตัวลืมอดีตหมดแล้วพยายามจะเริ่มต้นใหม่

 

ส่วนจะมีรอบที่สามกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ทักษิณกล่าวว่า “บ้านเราวันนี้ออกแบบการเมืองที่แย่ที่สุด ตั้งแต่ทหารปฏิวัติ เวลาเขาเขียนรัฐธรรมนูญ เขาเห็นหน้าผมอยู่ กันผมในทุกรูปแบบ กันจนผลสุดท้ายบ้านเมืองมีปัญหา การเมืองแบบหัวแตก พรรคเล็กพรรคน้อยเยอะแยะ ทำงานยาก ไม่เหมือนตอนผมแก้ปัญหาต้มยำกุ้ง เพราะเป็นพรรคใหญ่ ไม่มีระบบสัมปทานกระทรวง มาวันนี้มันแย่แล้ว ให้ไปบริหารแต่กลับไปทำธุรการกับธุรกิจ ธุรการคือแต่งตั้งโยกย้าย ธุรกิจคือวางไข่ออกไข่ วันนี้กติกาแบบนี้สร้างวัฒนธรรม ไม่ทำไม่ผิด”

 

เมื่อถามย้ำ จะมีรอบสามกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ทักษิณระบุว่า การเมืองไทยไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร เมื่อการเมืองออกแบบแบบนี้ ไม่สามารถที่จะบอกว่าจะอยู่คนเดียวในรัฐบาลนี้ สูตรคณิตศาสตร์ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นก็ต้องกลืนเลือด สัก 3-4 ปี๊บ พร้อมย้ำว่า ไม่ปิดโอกาสร่วมมือพรรคส้ม แต่วันนี้ยังไม่จำเป็น สีน้ำเงินส้มจับมือกันได้หลวมๆ เนื่องจากเป็นปลาคนละน้ำ และบริบทของรัฐบาลมีหลายทางเลือก

 

ทักษิณยังตอบคำถามกรณีตนเองเป็นทางตันหรือไม่ และปัญหาทั้งหมดเกิดเพราะตนเองหรือไม่ ว่า หลายคนอาจจะไม่ชอบหน้าเป็นพิเศษจึงทำให้ตนมีขาประจำที่เป็นมา 20 ปี บางคนไม่รู้จักไม่เคยเจอ เห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกหมั่นไส้ก็ยังคงงงอยู่

 

ส่วนนายกฯ แพทองธาร เคยถามหรือไม่ว่าไปทำอะไรให้คนกลุ่มนั้น ถึงมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ทักษิณตอบสั้นๆ ว่า “ผมก็กรวดน้ำ อย่าไปคิดอะไรมาก”

 

ส่วนในฐานะที่คลุกคลีกับการเมืองมา 51 ปี มีโอกาสที่พรรคสีแดงอย่างพรรคเพื่อไทยจะไปผสมกับพรรคประชาชน ทักษิณระบุว่า “ในวันนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศัตรูกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็น แต่การจะทำงานกับใครต้องมั่นใจว่าเราไปด้วยกันได้ และไม่ขัดนโยบายหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสถาบัน เรื่องเจ้านาย เพราะส่วนตัวได้รับพระเมตตาสูงสุด ดังนั้นจะไม่มีทางที่จะไปทำงานกับใครที่กระทบกระเทือนกับสถาบัน”

 

เมื่อถามว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พรรคสีส้มไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นมาตรา 112 จะสามารถร่วมมือกันได้หรือไม่ ทักษิณระบุว่า ไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกันเลย แต่พรรคสีส้มมีความใกล้เคียงเพราะเกิดจากการหาเสียงมาสไตล์เดียวกัน

 

“สีส้มเกิดจากสีแดงรวมกับสีเหลือง ถ้าแดงแยกไปผสมกับน้ำเงินจะเป็นสีม่วง และสีเหลืองผสมสีน้ำเงินเป็นสีเขียว ถ้าสีม่วงกับสีเหลืองไปผสมกันจะเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง สีไม่สวย ส่วนสีแดงผสมกับสีส้มจะเป็นสีแสด ซึ่งสีแสดมันแรงไป” ทักษิณกล่าว

 

ทักษิณระบุว่า ยังไม่มีความจำเป็นในการจับมือกับพรรคสีส้ม เพราะพรรคแกนนำรัฐบาลยังมีความสามัคคีทำงานด้วยกันได้ เพียงแต่ต้องคุมในสภาไม่ให้โดดสภาแค่ไม่ให้โดดกฎหมายสำคัญ ส่วนที่เหลือ เชื่อว่าเขาจะมาเอง

 

ส่วนกลไกบริบทปัจจุบันจะทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักษาการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา รัฐบาลจะอายุสั้นหรือไม่นั้น ทักษิณระบุว่า มีหลายตัวเลือก 1 คือนายกฯ แพทองธาร รอด ก็สามารถกลับไปทำงานเต็มที่และทำยาว 2. สมมุติว่าไม่รอด มี 2 ทางเลือก คือ เสนอ ชัยเกษม นิติสิริ หรือยุบสภา และตอนนี้ ชัยเกษม ก็ยังฟิตอยู่ ตีกอล์ฟสบายมาก

 

เมื่อถามว่า เพื่อไทยที่เป็นแกนนำ มีอาวุธอยู่ 2 อาวุธ คือ เศรษฐา ทวีสิน ติดกับดักจริยธรรมของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่แพทองธาร ชินวัตร ติดกับดักของศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปอีก ท่านคิดว่า ชัยเกษม ที่เป็นกลไกที่ 3 จะเป็นทางรอดของประเทศหรือไม่ ทักษิณกล่าวว่า “ผมยังอยู่ เอาผมออกไม่ได้ ยังเป็นสทร. เหมือนเดิม ผมไม่ยอม อายุ 76 ปียังหนุ่มอยู่ ขอให้บ้านเมืองรอด เอาเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก”

 

ส่วนที่วิบากกรรมเยอะขึ้นกว่าเดิม ทักษิณกล่าวว่า วันนี้ต้องขึ้นศาลก็ขึ้นไป แก่แล้วปล่อยวางไปเยอะแล้ว ซึ่งตนหยุดแล้วแต่ท่านไม่หยุด พร้อมย้ำว่า ต้องทำงานให้บ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองมีจำนวนมาก ภาวะเศรษฐกิจในวันนี้ถ้าไม่เสือกแล้วใครจะเสือก ในฐานะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี มีอะไรก็ต้องช่วยกัน แม้ตนจะออกนอกประเทศไม่ได้เพราะติดคดี ถ้าออกได้จะสนุกกว่านี้ ขณะเดียวกันมองว่าในเรื่องของคดีเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงปฏิวัติ ไม่มีความกังวล เพราะถ้าเป็นภาวะปกติ ก็คงไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา

 

ส่วนจะมีกลไกบริบททางการเมืองที่เหนือกว่า กลไกเรื่องฝ่ายค้าน กลไกนิติสงครามทางข้อกฎหมาย กลไกองค์กรอิสระ มาทำให้การทำงานของรัฐบาลเดินต่อไปไม่ค่อยได้หรือไม่ ทักษิณเชื่อว่า ไม่มี มีแต่ความหยุมหยิมของระบบ ซึ่งต้องแก้ระบบการเมืองที่วางไว้ องค์กรอิสระที่อนุญาตให้ใครก็ได้มาร้อง

 

ทักษิณยังระบุด้วยว่า หลังการลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีการพูดคุยกับเนวิน ชิดชอบ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล เพราะเขาไม่คุยกับตน พรรคที่ร่วมรัฐบาล แปรสภาพมาเป็นฝ่ายค้านที่น่าจะแค้นมากกว่าค้าน ส่วนเรื่องเขากระโดงทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา กฎหมาย ซึ่งที่ดินอัลไพน์ก็ว่ากันไปตามกติกา ใครนั่งทับสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องโดน มาตรา 157 และการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ต้องเด็ดขาด ตอนนี้มองว่ากลไกกระทรวงมหาดไทยเริ่มทำงานแล้ว

 

ส่วนการทำงานระหว่างที่แพทองธารถูกพักการทำหน้าที่ จะสร้างความมั่นใจให้คนอย่างไรว่ารัฐบาลยังไม่ถึงจุดอับ ทักษิณกล่าวว่า “พ่อนายกฯ อยู่นี่ ยังไงก็ดูแลบ้านเมืองเต็มที่ มีอะไรก็บอกให้รัฐมนตรีช่วยกันทำเชื่อว่าไม่มีสุญญากาศ ส่วนที่บอกว่าข้าราชการจะเกียร์ว่างนั้นไม่ต้องว่าง ไม่ต้องรอสถานการณ์การเมือง อย่าไปคิดว่า river จะ return”

 

ส่วนคะแนนนิยมที่ลดลงนั้น เพราะการเมืองเป็นกระแส ต้องดูว่าในภาวการณ์ไหน หากโดนรุมอย่างนี้ หากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ซอมบี้ทั้งหลาย ก็จะมีการปั่นกันโกรธกัน สักเดี๋ยวก็หยุด

 

ขณะที่การขับเคลื่อนโครงการใหญ่ในช่วงที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ทักษิณกล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วันนี้ถอนออกมาเพราะไม่อยากให้สับสน ซึ่งช่วงนี้ต้องเรียงลำดับความสำคัญ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising