วันนี้ (3 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุมหารือทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังจากหารือกันเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ได้มีการแถลงผลการประชุมต่อสื่อมวลชน
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ขอบคุณหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน และตัวแทนแต่ละพรรค ที่วันนี้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน ผลการหารือวันนี้เรื่องการนำในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นเป็นตัวตั้ง ภายใต้สถานการณ์วิกฤตประเทศในขณะนี้ และวิกฤตศรัทธาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันขาดความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างสูง
ส่วน 4 เรื่องหลักที่มีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ประชาชนรอฟังคำตอบอยู่ คือ
1.การเดินหน้ากลไกในสภาทุกอย่างเพื่อกดดันให้รัฐบาลหยุดเดินหน้าหรือถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ออกไป โดยมีเงื่อนไขว่า ว่าจะต้องให้ความเชื่อมั่นต่อพวกเราและประชาชนว่า จะไม่มีการเสนอร่างนี้กลับเข้ามาอีก
2. การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ แต่หนึ่งอย่างที่เห็นตรงกัน ในหลักการ คือการจัดทำประชามติ ครั้งที่ 0 ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณา เรื่องการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องทางสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หรือไม่ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้กลไกสภาในสมัยประชุมปัจจุบันตามที่เหมาะสม ในการเดินหน้าเสนอให้มีการจัดทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งใหม่
3. การพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมที่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านยังเห็นแตกต่างกันอยู่นั้น เราจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาเรื่องนี้
4. การยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งเราเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ภายใต้นิติสงคราม ที่มีการดำเนินคดีต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องรอประเมินตอนนี้ คือประเมินสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องความชัดเจนของคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณีของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยู่ ก่อนจะมีการตัดสินใจว่า จะยื่นญัตติเมื่อไหร่
สำหรับกระแสข่าวการเสนอตัวนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า ต้องให้เกียรติ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ด้วย แต่โดยหลักการ ขอย้อนกลับไปในสิ่งที่เราต้องมาประชุมร่วมกันว่า เราประชุมเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ซึ่งในวันนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม หากจะพูดอะไรไปล่วงหน้า เพราะสถานการณ์ยังไม่เกิด เนื่องจากขณะนี้นายกรัฐมนตรียังชื่อ แพทองธาร เพียงถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
“แต่แน่นอนที่สุด การวิเคราะห์การเมือง การประเมินฉากทัศน์ข้างหน้า ทุกคนสามารถวิเคราะห์ได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยการหารือเป็นการภายในนั้น ก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ผมขอยืนยันว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกคน และหัวหน้าพรรคทุกคน มีการหารือกันว่า เราจะไม่ทำให้การเมืองเดินถึงทางตัน อย่างไรประเทศมีทางออก ส่วนรายละเอียดคิดว่า คุยกันในสถานการณ์ข้างหน้าได้” ณัฐพงษ์กล่าว
ด้านอนุทินกล่าวเสริมว่า เรื่องกระแสข่าว ได้ชี้แจงจากการให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวานนี้ตอนเย็นแล้ว และต้องขอพูดว่าไม่มีการเสนอตัว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างมาก ไม่ได้มีการพูดถึงตรงนั้นเลย ตอนนี้เราพูดในหลักการ ในสถานการณ์แบบนี้ ใครที่เข้ามาก็ตาม ต้องเข้ามาด้วยระยะเวลาที่เฉพาะกิจ เฉพาะกาล เพื่อมาแก้ไขปัญหาปัจจุบัน และยุบสภา ให้เกิดการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจต่อไป แต่เรื่องพวกนี้ เราไว้รอถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน เพราะตอนนี้นายกรัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่ง
ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน มีมติจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่ร่วมรัฐบาล แต่ต้องมีเงื่อนไขนั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า สิ่งที่พรรคประชาชนเสนอไป ไม่ได้เสนอว่า เราจะร่วมโหวตหรือไม่ร่วมโหวตให้ใคร ทุกอย่างที่เราเสนอ เป็นข้อเสนอที่เราเชื่อว่า เป็นทางออกของประเทศจริงๆ หากวันหนึ่งสถานการณ์ทางการเมืองเดินไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้นำเสนอไปเมื่อวานนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการโหวตให้หรือไม่ ณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่ได้อยู่ที่ว่า จะโหวตให้ใคร จะชัยเกษมหรืออนุทิน แต่เราดูที่จุดยืนร่วมกันว่า การออกเสียงของพรรคประชาชนและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ละพรรค แต่ละคน มีจุดยืนของตัวเอง
“ในส่วนของพรรคประชาชน เรายืนยันในหลักการว่า การโหวตให้ใครก็ตาม เราไม่ยึดติดกับตัวบุคคลหรือพรรค แต่ต้องเป็นการสร้างทางออกให้กับประเทศได้” ณัฐพงษ์ระบุ
นอกจากนี้ ทั้งณัฐพงษ์และอนุทินต่างยืนยันตรงว่า มีจุดยืนตรงกันในเรื่องการยุบสภา