เสียงทุ้มลึกของเครื่องยนต์ที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณ เส้นสายโค้งมนของตัวถังที่สะท้อนความงามข้ามกาลเวลา และกลิ่นอายเฉพาะตัวของห้องโดยสารที่อบอวลด้วยเรื่องราว คือองค์ประกอบที่ทำให้ ‘รถคลาสสิก’ เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่คือประตูสู่โลกอีกใบที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลงใหล
สำหรับหลายคน รถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่เพียง ‘รถเก่า’ ที่จอดนิ่งอยู่ในโรงรถ แต่เป็นงานศิลปะที่ขับเคลื่อนได้ เป็นบันทึกความทรงจำที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่จับต้องได้ มันคือการเดินทางที่พาเราย้อนกลับไปสู่ยุคแห่งความรุ่งเรืองของงานฝีมือและนวัตกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง
เมื่อความหลงใหลส่วนบุคคลมาบรรจบกับวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ การผสานความรักในยนตรกรรมคลาสสิกเข้ากับหลักการบริหารความมั่งคั่งจึงเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความเข้าใจใน ‘คุณค่า’ ที่แท้จริง ซึ่งเป็นปรัชญาที่สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกมิติของชีวิต
ปรัชญานี้เองที่สอดคล้องกับ UOB Privilege Banking ซึ่งเข้าใจและให้คุณค่ากับทุก Passion & Lifestyle จึงพร้อมที่จะช่วยส่งเสริมทุกความหลงใหลให้กลายเป็นความมั่งคั่ง ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ เข้ากันกับไลฟ์สไตล์ของผู้มีความมั่งคั่งทุกท่าน เช่นบทความพิเศษในซีรีส์นี้
ภาพ: Shang Saal / Shutterstock
คุณค่าที่มากกว่าตัวเลข: ทำไมรถคลาสสิกถึงครองใจ?
หัวใจของรถคลาสสิกคือคุณค่าที่ประเมินเป็นตัวเงินได้ยาก (Intrinsic Value) มันคือคุณค่าจากประวัติศาสตร์ของแบรนด์ นวัตกรรมในยุคนั้นๆ และเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในรถแต่ละคัน การได้ครอบครองยนตรกรรมที่เป็นตำนาน ก็เปรียบเสมือนการได้เป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกยานยนต์ไว้ในมือ
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ รถคลาสสิกแต่ละคันคือภาพสะท้อน ‘บุคลิกและประสบการณ์’ ของผู้ครอบครองได้อย่างหมดจด การเลือกรถสปอร์ตเปิดประทุนจากอิตาลีอาจบ่งบอกถึงจิตวิญญาณที่รักอิสระและความเร็ว
ขณะที่การเลือกรถซาลูนสุดหรูจากอังกฤษอาจสะท้อนถึงความภูมิฐานและรสนิยมอันสุขุมลุ่มลึก รถยนต์เหล่านี้จึงไม่ได้ถูกเลือกจากมูลค่าตลาด แต่ถูกเลือกจากเรื่องราวที่มันสามารถบอกเล่าเกี่ยวกับตัวตนของเจ้าของได้
ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นเจ้าของรถคลาสสิกยังเปรียบเสมือนบัตรผ่านเข้าสู่ ‘สังคม’ และชุมชนพิเศษ ที่ซึ่งเจ้าของรถจะได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และสร้างสายสัมพันธ์กับผู้คนที่มีความชอบในสิ่งเดียวกัน ก่อให้เกิดเป็นคอนเน็กชันและมิตรภาพที่ประเมินค่าไม่ได้
รถคลาสสิกในมุมมอง Wealth Management: สินทรัพย์ทางใจที่สร้างมูลค่า
ในโลกของการลงทุน รถคลาสสิกถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘Passion Asset’ หรือสินทรัพย์ทางใจ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มอบผลตอบแทนสองรูปแบบพร้อมกัน คือผลตอบแทนจากความสุขในการครอบครอง (Emotional Return) และศักยภาพในการเติบโตของมูลค่าในอนาคต (Financial Return)
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญคือการเป็น ‘สินทรัพย์ทางเลือก’ (Alternative Investment) ที่มักมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นและตราสารหนี้ต่ำ ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอโดยรวมได้เป็นอย่างดี
ข้อมูลจาก Knight Frank Luxury Investment Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการลงทุนในสินทรัพย์หรู ก็เคยแสดงให้เห็นว่ารถคลาสสิกเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นในระยะยาว
ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าของรถคลาสสิกนั้นมาจากความหายาก (Rarity) และความต้องการของตลาด รถยนต์รุ่นที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลกและมีจำนวนจำกัด เช่น Porsche 911 (รุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศ) ซึ่งมูลค่าเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี โดยเฉพาะรุ่น Carrera RS 3.8 ที่ปัจจุบันไม่มีคันใดขายต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 32 ล้านบาท)
ภาพ: Josh Bryan / Shutterstock
หรือ Mercedes-Benz 300 SL ‘Gullwing’ ที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 55 ล้านบาท) จากราคาเดิมในยุค 1950s เพียง 6,820 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10,000% มักมีแนวโน้มที่มูลค่าจะสูงขึ้นตามกาลเวลา แม้ตลาดจะมีการปรับตัวบ้างในบางช่วง แต่ราคายังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าอดีตอย่างมีนัยสำคัญ
การบริหารจัดการ ‘สินทรัพย์’ คันงาม: ไม่ใช่แค่การลงทุน แต่คือการดูแล
การจะทำให้รถคลาสสิกเป็นสินทรัพย์ที่คงคุณค่าและเพิ่มมูลค่าได้นั้น ต้องอาศัยมากกว่าแค่เงินทุน แต่คือการ ‘บริหารจัดการ’ อย่างพิถีพิถัน หัวใจสำคัญคือการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดตั้งแต่การตรวจสอบประวัติของรถ (Provenance) ไปจนถึงการยืนยันว่าเป็นของแท้ดั้งเดิม (Authenticity) เพื่อให้มั่นใจว่าได้ครอบครองรถที่ถูกต้องและมีคุณค่าอย่างแท้จริง
ประสบการณ์ระหว่างทางของการดูแลรักษานี่เอง ที่เป็นอีกหนึ่ง ‘ผลตอบแทน’ อันล้ำค่า การได้พูดคุยกับช่างผู้เชี่ยวชาญ การตามหาชิ้นส่วนที่หายาก หรือแม้แต่การลงมือดูแลรักษารถด้วยตัวเอง คือประสบการณ์ที่สร้างความผูกพันและเติมเต็มความหลงใหลให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินโดยสิ้นเชิง
ภาพ: C-S / Shutterstock
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงต้นทุนในการครอบครอง (Cost of Ownership) ซึ่งไม่ได้มีแค่ราคาซื้อ แต่ยังรวมถึงค่าบำรุงรักษาตามแบบฉบับดั้งเดิม ค่าประกันภัยเฉพาะทาง และการจัดหาสถานที่จัดเก็บที่เหมาะสมเพื่อรักษาสภาพรถให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้คือกระบวนการ ‘บริหาร’ สินทรัพย์ให้งอกเงยไม่ต่างจากการลงทุนประเภทอื่น
จากรุ่นสู่รุ่น: การส่งต่อมรดกและความหลงใหล
คุณค่าที่ลึกซึ้งที่สุดของการครอบครองรถคลาสสิก อาจเป็นการวางแผนเพื่อ ‘ส่งต่อ’ เพราะนี่คือมรดกที่จับต้องได้ (Tangible Legacy) ที่เป็นมากกว่าแค่สินทรัพย์ทางการเงิน
แต่คือการส่งต่อเรื่องราว ความผูกพัน และ ‘ประสบการณ์ชีวิต’ ของผู้เป็นเจ้าของจากรุ่นสู่รุ่น สร้างความภาคภูมิใจและเป็นศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง
การวางแผนมรดก (Estate Planning) ที่ดีจะช่วยให้การส่งต่อตำนานและความมั่งคั่งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน ทำให้เรื่องราวที่เริ่มต้นจากความหลงใหลในรุ่นเรา สามารถเดินทางต่อไปได้อย่างสง่างามในรุ่นต่อไป
ภาพ: Miroshnichenko Tetiana / Shutterstock
ท้ายที่สุดแล้ว การครอบครองรถคลาสสิกอย่างมีกลยุทธ์ คือการผสมผสานระหว่างศิลปะการใช้ชีวิตและการสร้างความมั่งคั่ง เป็นการเดินทางที่มอบความสุขระหว่างทางและสร้างมูลค่าที่ปลายทาง ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งนิยามของ ‘ความมั่งคั่ง’ ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
สอดคล้องกับแนวคิดของ UOB Privilege Banking ที่พร้อมจะ ‘ใส่ใจทุกเรื่องที่สำคัญสำหรับคุณ’ ทั้งในมิติความมั่งคั่งทางการเงิน และไลฟ์สไตล์ที่ช่วยเติมเต็มชีวิต
ภาพ: Martyn Lucy / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.knightfrank.com/wealthreport
- https://www.hagerty.co.uk/articles/market-analysis/bull-market-run-20-why-classic-cars-are-a-good-investment/
- https://www.forbes.com/sites/forbesfinancecouncil/2021/11/05/are-classic-cars-a-good-investment/
- https://www.juliusbaer.com/en/insights/wealth-planning/passion-investments-what-you-need-to-know/
- https://robbreport.com/motors/cars/most-expensive-1955-mercedes-benz-gullwing-1234661550/
- https://bidgarage.com/blog/market/which-porsche-911-holds-its-value
- https://www.classic.com/m/mercedes-benz/sl/w198/300-sl-gullwing/