หลังจากที่วันนี้ (26 มิถุนายน) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ เรื่อง “ฉันคือทรัพย์สินของคนอื่น”: การเป็นทาส การค้ามนุษย์ และการทรมานในศูนย์สแกมเมอร์ของกัมพูชา (“I Was Someone Else’s Property”: Slavery, Human Trafficking and Torture in Cambodia’s Scamming Compounds) ที่ศึกษาศูนย์สแกมเมอร์กว่า 50 แห่งในกัมพูชาตลอด 18 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลกัมพูชากำลังเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนสารพัดรูปแบบ เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์ ที่กระทำในวงกว้างโดยกลุ่มอาชญากรรมในศูนย์สแกมเมอร์ทั่วประเทศ
นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า อาชญากรรมข้ามชาติเป็น ‘ปัญหาระดับภูมิภาค’ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือและการประสานงานอย่างใกล้ชิดจากทุกประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์และการค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมระดับสูง เพื่อติดตามและยกระดับมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยหน่วยงานไทยได้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดเพื่อตัดวงจรเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการควบคุมการผ่านแดน และการสกัดกั้นการไหลเวียนของเงินทุนผิดกฎหมาย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า ประเทศไทยยังคงยึดมั่นที่จะทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ เพื่อขจัดอาชญากรรมเหล่านี้ให้หมดไป และยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือในเรื่องนี้กับทุกภาคส่วน รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในกรอบพหุภาคีต่างๆ เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติและปกป้องคุ้มครองเหยื่อค้ามนุษย์ตามมาตรฐานสากล
ภาพ: แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล / THE STANDARD
อ้างอิง:
- แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
- กระทรวงการต่างประเทศ
