ช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ถือเป็นช่องแคบทางทะเลที่อยู่ระหว่างอิหร่านและโอมาน ยาวประมาณ 167 กม. และแคบที่สุดกว้างเพียง 33 กม. เป็นเส้นทางศูนย์กลางในการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากตะวันออกกลางสู่ตลาดโลก ช่องแคบแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็น ‘ไพ่ใบสำคัญ’ ของอิหร่าน เพื่อตอบโต้ความขัดแย้งกับสหรัฐฯ และอิสราเอล
แม้วันนี้ยังไม่ปิดจริง แต่ความเป็นไปได้อนาคตหากทวีความรุนแรง และปิดช่องแคบจริง จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาน้ำมันโลกอย่างมาก เนื่องจากเส้นทางขนส่งเชื้อเพลิงประมาณ 20% ของโลกผ่านเส้นทางนี้
โดยเฉพาะจากประเทศซาอุดีอาระเบีย คูเวต อิรัก กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่ประเทศผู้นำเข้าเชื้อเพลิงรายใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และประเทศในยุโรป รวมถึงไทย
‘ไทย’ นำเข้าน้ำมันดิบ 90% และกว่า 60% มาจากตะวันออกกลาง
‘ไทย’ เป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบ 90% และมาจากตะวันออกกลางมากถึง 60%
ภาพ: Murat Usubali / Anadolu via Getty Images
สำหรับ ‘ไทย’ เป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบปริมาณมากถึง 90% และมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางประมาณ 60% โดยนำเข้าจาก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน ซึ่งต้องขนส่งทางเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
ดังนั้นการปิดช่องแคบฮอร์มุซที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เพื่อดำเนินมาตรการการจัดเตรียมปริมาณน้ำมันสำรองภายในประเทศ รวมทั้งการเตรียมหามาตรการช่วยเหลือด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก เก็บเงินชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ได้กระทบราคาจำหน่ายน้ำมันขายปลีกน้ำมันดีเซล ยังคงอยู่ที่ 31.94 บาท/ลิตร เท่าเดิม
วันนี้ (26 มิถุนายน) พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. ได้พิจารณาสถานการณ์การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันและ LNG ในตลาดโลกเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- จากทะเลแดงถึง ‘ฮอร์มุซ’ เส้นทางนี้อยู่ตรงไหน สำคัญ (กับไทย) อย่างไร? เมื่อสงคราม ‘อิหร่าน-อิสราเอล’ ป่วนการค้าโลกอีกระลอก
- ทำไมช่องแคบฮอร์มุซจึงกลายเป็นจุดที่น่ากังวลอีกครั้ง | THE STANDARD WEALTH
- 10 ประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก
รวมถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซ และ LNG เพื่อให้สามารถจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ก๊าซในภาคไฟฟ้าและอุตสาหกรรมของประเทศ
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดหา LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาแบบระยะยาว (Term) และสัญญาแบบรายเที่ยวเรือ (Spot) รวมประมาณ 12 ล้านตันต่อปี
“โดยในส่วนของสัญญาระยะยาวมีการจัดหาสัญญาระยะยาวจากประเทศกาตาร์ ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งเมื่อพิจารณาในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะต้องมีการส่งมอบ LNG จากประเทศกาตาร์ รวมทั้งสิ้น 11 ลำเรือ ซึ่งต้องแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ช่องแคบฮอร์มุซจึงเป็นเส้นทางพลังงานของโลก เพราะไทยพึ่งพานำเข้า LNG สูง”
พูลพัฒน์ระบุว่า ที่ต้องผ่านพื้นที่ดังกล่าวจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวม 83 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของอุปทานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG supply) ของโลก รวมถึงเป็นช่องทางการค้าน้ำมันมากถึง 30% ของปริมาณการค้าน้ำมันทั่วโลก
ในด้านราคา Spot LNG มีความผันผวนสูง โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.444 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ($/MMBTU) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็น 14.815 $/MMBTU ในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 หรือเพิ่มขึ้นราว 10% ในช่วงที่มีการตอบโต้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)
อย่างไรก็ตาม ราคาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวแบบรายเที่ยวเรือ (Spot LNG) มีการปรับลดลงในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ลงมาอยู่ที่ 13.211 $/MMBTU หรือลดลงราว 10.8% ภายในหนึ่งวันหลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งชั่วคราวในภูมิภาคตะวันออกกลาง
“ในขณะนี้สำนักงาน กกพ. ได้มีการติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและการส่งมอบ LNG ของ Shipper ทุกรายอย่างใกล้ชิด โดย กกพ. ได้ให้ Shipper ทุกรายในกลุ่ม Regulated Market รายงานข้อมูลสถานการณ์ส่งมอบ LNG รวมถึงแผนการส่งมอบ LNG โดยเฉพาะ LNG Supply ที่มาจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”
3 ทางเลือก หาก ‘ปิดช่องแคบฮอร์มุซ’ ไทยจะพึ่งแหล่งพลังงานจากใคร?
ขณะเดียวกันเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ กกพ. ได้มีการหารือแนวทางรองรับกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซและไม่สามารถรับ LNG จากประเทศกาตาร์ไว้ ดังนี้
- เพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมชาติทางท่อจากอ่าวไทย รวมถึงแหล่ง JDA และเมียนมา โดยเพิ่มการเรียกรับก๊าซ การบริหาร จัดการปริมาณก๊าซส่วนเพิ่มตามความยืดหยุ่นของสัญญา (Swing Gas) ให้เต็มศักยภาพ
- จัดหา Spot LNG เพิ่ม จาก Supplier โดยขอให้ Shipper ทุกรายไปหารือคู่ค้า LNG เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุฉุกเฉิน
- ในกรณีที่ไม่สามารถจัดหา Spot LNG เพิ่มเติมได้เพียงพอ หรือ กรณีที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Spot LNG สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า อาจมีการ พิจารณาสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมัน จึงขอให้ ปตท. ตรวจสอบศักยภาพในการจัดส่งน้ำมันและปริมาณความต้องการน้ำมันของโรงไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญาควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวคงคลัง (LNG Inventory) ของประเทศอยู่ในระดับสูง และแผนการส่งมอบ LNG จาก Shipper ทุกรายพบว่ายังไม่มีผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตาม กกพ. ก็จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการรองรับความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพพลังงานของประเทศ
ไทยยังมีน้ำมันดิบเหลือใช้ 60 วัน
ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 72 ดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ไทยยังมีน้ำมันดิบ เพียงพอต่อความต้องการใช้ 22 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง (ผ่านช่องแคบฮอร์มุซแล้ว) เพียงพอต่อความต้องการใช้ 20 วัน และน้ำมันสำเร็จรูปเพียงพอต่อความต้องการใช้ 18 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน
สัดส่วนการผลิตไฟฟ้ามาจากแหล่งไหนบ้าง
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ระบุว่า เชื้อเพลิงนำเข้ามาเพื่อผลิตไฟฟ้า ในไทย แบ่งเป็นสัดส่วนไฟฟ้านำเข้า (มาเลเซีย / สปป.ลาว) 13% ,พลังงานหมุนเวียน 12% พลังน้ำ 4% น้ำมันเตา, ลิกไนต์, ถ่านหินนำเข้า 15% ก๊าซธรรมชาติ 56%
ไทยนำเข้าปุ๋ยจากตะวันออกกลางสูงถึง 42.37% ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
ด้าน คงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ช่องแคบฮอร์มุซ เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่ ‘ ของเส้นทางพลังงานของโลก จากแหล่งน้ำมันดิบสำคัญในภูมิภาคซึ่งอยู่บริเวณโดยรอบอ่าวเปอร์เซียไปสู่ลูกค้าในภูมิภาคอื่นทั่ว
“แม้ไทยจะไม่ได้นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน แต่ก็พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง”
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีการนำเข้าปุ๋ยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับภาคการเกษตรจากตะวันออกกลางสูงถึง 42.37% จากมูลค่านำเข้ารวมทั้งหมด
ดังนั้นการปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเกษตรของไทยพุ่งสูงขึ้น เกิดผลกระทบต่อทั้งค่าครองชีพของผู้บริโภคในประเทศ และคำสั่งซื้อจากคู่ค้าในตลาดโลก
ปีนี้จึงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์การค้าโลกจากหลายปัจจัย ทั้งสงครามการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ อย่างใกล้ชิด