แม้ศึกอิหร่าน-อิสราเอลจะเกิดไกลจากไทยกว่า 7,000 กิโลเมตร แต่ผลกระทบกลับใกล้ตัวกว่าที่คิด โดยเฉพาะต่อราคาพลังงานและภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสองเสาหลักของเศรษฐกิจไทยที่ผู้ประกอบการต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
🟡 ไทม์ไลน์ศึกเดือด ‘อิหร่าน-อิสราเอล’
13 มิถุนายน 2025 – อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการ ‘Operation Rising Lion’ เพื่อโจมตีอิหร่าน โดยอ้างว่าเป็นการทำลายศักยภาพด้านนิวเคลียร์ที่อาจเป็นภัยคุกคาม
อิหร่านตอบโต้ด้วย ‘True Promise 3’ ส่งขีปนาวุธและโดรนโจมตีเมืองสำคัญในอิสราเอล พร้อมขู่ขยายเป้าหมายไปยังฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาค
21 มิถุนายน – สหรัฐฯ เข้าร่วมโจมตีฐานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งในอิหร่าน ได้แก่ Fordow, Natanz และ Isfahan
สถานการณ์นี้นำไปสู่การที่รัฐสภาอิหร่านผ่านมติเพื่อเตรียมปิด ‘ช่องแคบฮอร์มุซ’ จุดคอขวดทางยุทธศาสตร์สำคัญของการขนส่งพลังงานโลก
🟡 ช่องแคบฮอร์มุซ อาวุธทางเศรษฐกิจของอิหร่าน
ช่องแคบฮอร์มุซ ตั้งอยู่ระหว่างอิหร่านและโอมาน เป็นเส้นทางผ่านของน้ำมันมากกว่า 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 17% ของอุปทานน้ำมันโลก
TDRI เผยว่าประเทศไทยนำเข้าพลังงานผ่านช่องแคบนี้มากกว่า 1 ใน 3 ของการใช้พลังงานในประเทศ
แม้มติดังกล่าวยังไม่สามารถมีผลบังคับใช้ทันที เพราะต้องได้รับอนุมัติจากผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แต่หากเกิดขึ้นจริง ย่อมกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานพลังงานทั่วโลก โดยเฉพาะเอเชียที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและ LNG ในสัดส่วนสูง
🟡 ราคาพลังงานโลกผันผวนสูง
ภายหลังการโจมตี ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นราว 2–3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
🔸เบรนท์: 77.7 ดอลลาร์/บาร์เรล
🔸WTI: 75.7 ดอลลาร์/บาร์เรล
Goldman Sachs ประเมินว่า หากการขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซหยุดชะงัก ราคาน้ำมันเบรนท์อาจพุ่งแตะ 110 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ทางด้านตลาดก๊าซธรรมชาติก็มีแนวโน้มผันผวน
🔸ราคา TTF ของยุโรปอาจขึ้นไปถึง 74 ยูโร/เมกะวัตต์-ชั่วโมง (ประมาณ 25 ดอลลาร์/ล้าน BTU)
🔸หากเกิดภาวะชะงักรุนแรง ราคามีสิทธิเพิ่มถึง 100 ยูโร
🟡 ผลกระทบต่อภาคพลังงานของประเทศไทย
ประเทศไทยนำเข้าพลังงานจากตะวันออกกลางผ่านช่องแคบฮอร์มุซในสัดส่วนสูง
น้ำมันดิบกว่าครึ่งของที่ใช้ในประเทศ และ LNG ประมาณ 30% ของทั้งหมด มาจากภูมิภาคนี้
เพื่อรับมือกับความผันผวน รัฐบาลมีมาตรการระยะสั้น 3 ประการ:
🔸 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง: ใช้เงินอุดหนุนราคาน้ำมัน (ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 65 สตางค์ต่อลิตร)
🔸น้ำมันสำรอง: มีสำรองไว้ใช้ได้ประมาณ 60 วัน หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อ
🔸การลดภาษีสรรพสามิต: กระทรวงพลังงานอาจหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาลดภาษี หากราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้น
ด้านค่าไฟฟ้า รัฐบาลยังคงตรึงราคาไว้ที่ไม่เกิน 3.99 บาท/หน่วย แต่หากต้นทุน LNG เพิ่มขึ้น ภาระต้นทุนจะตกอยู่ที่ ปตท. และ กฟผ. ซึ่งท้ายที่สุดภาครัฐอาจต้องชดเชยงบประมาณในภายหลัง
โดยทั้งหมดส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น: กลุ่มพลังงานไทย
🔸ต้นน้ำ (PTTEP): ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง
🔸กลางน้ำ (TOP, SPRC, IRPC): เสี่ยงจากต้นทุนสูงและการจัดหาน้ำมันที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพาน้ำมันจากตะวันออกกลางเกิน 60%
🔸ปลายน้ำ (OR, PTG): อาจกระทบจากต้นทุนขายที่ปรับขึ้นช้า ส่งผลต่อยอดขายและค่าการตลาดในระยะสั้น
🟡 แผนการท่องเที่ยวไทย รับมือความไม่แน่นอน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่า ต้นทุนการเดินทางที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนชะลอการเดินทางมายังไทย จึงได้เตรียมมาตรการรับมือใน 6 ด้านหลัก:
🔸 ยกระดับมาตรการความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจ
🔸ส่งเสริมตลาดในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
🔸กระจายความเสี่ยงสู่ตลาดคุณภาพ ทั้งระยะใกล้และระยะไกล เน้น Value over Volume
🔸สื่อสารเชิงรุกภายใต้แนวคิด ‘Safe Vibe Thailand’
🔸Re-targeting กลุ่มที่ชะลอการเดินทาง ด้วยมาตรการที่ตรงเป้า
🔸 ตอกย้ำ Airline Focus เพื่อรักษาเส้นทางบินสู่ภูมิภาคเป้าหมาย
นอกจากนี้ ททท. ยังยืนยันแนวทางการทำตลาดที่เน้น ‘ความเข้าใจ ความเคารพ และความรับผิดชอบต่อสังคมโลก’ เพื่อเสริมความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว
กล่าวได้ว่า สงครามไม่ได้อยู่แค่ในแผนที่ แต่ปรากฏอยู่บนใบเสร็จ ค่าน้ำมัน และพฤติกรรมผู้บริโภค
สิ่งที่ผู้ประกอบการไทยควรมีในเวลานี้ ไม่ใช่เพียงแค่แผนสำรอง แต่คือ ‘วิสัยทัศน์ที่มองไกล’ และ ‘ความยืดหยุ่นในการปรับตัว’ พร้อมติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อรับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้