ช่วงเช้าวันนี้ (23 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติงาน เมื่อเวลา 09.10 น. โดยก่อนที่นายกรัฐมนตรีเดินทางถึง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) มารอ เพื่อเข้าร่วมการประชุมทีมหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ
หลังจากที่มีการออกมาตรการปิด-เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ รวมถึงกรณีที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากประเทศไทย ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา
แหล่งข่าวระบุว่า สำหรับการยกระดับมาตรการตอบโต้หลังจากนี้ ขอรอการหารือร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจก่อนว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด หรือจะส่งผลกระทบกับส่วนใดบ้าง แต่ยืนยันในจุดยืนว่าจะต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก และจะต้องลดผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า ขณะนี้เองหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องรับมือจากทั้งเรื่องปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งกองทัพต้องเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนย้ายประชาชน หากสถานการณ์ถึงจุดที่ต้องเคลื่อนย้ายประชาชนคนไทย โดยกองทัพไทยมีการเตรียมความพร้อมเครื่องบินของกองทัพ หากสถานการณ์วิกฤตสามารถยกเครื่องได้ภายใน 1 ชั่วโมงหากมีคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 09.00 น. กองทัพภาคที่ 1 โดย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความ ปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ บริเวณจุดผ่านแดนถาวร บ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวร บ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขึ้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ