วันนี้ (18 มิถุนายน) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มอบหมายให้ ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) มูลนิธิบูรณะนิเวศ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท เซ็ตเมทอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 301 หมู่ที่ 3 ตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ประกอบกิจการหลอมหล่อโลหะ เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง ซึ่งก่อนหน้านี้โรงงานถูกคำสั่งให้ปิดปรับปรุงชั่วคราว เนื่องจากประกอบกิจการไม่ตรงตามใบอนุญาต แต่มีรายงานว่ายังคงลักลอบประกอบกิจการ จึงให้ทีมสุดซอยเข้าตรวจสอบ
“จากการตรวจสอบภายในบริษัท เซ็ตเมทอลฯ พบการกระทำความผิดหลายกรณี ทั้งลักลอบประกอบกิจการเดินเครื่องรีไซเคิลสายไฟ ครอบครองวัตถุที่เข้าข่ายวัตถุอันตรายถึงกว่า 8 พันตัน ทั้งยังมีพฤติกรรมตั้งตนเป็นนิคมศูนย์เหรียญ ซึ่งได้สั่งให้ปิดกิจการและดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทันที” เอกนัฏระบุ
ฐิติภัสร์กล่าวเสริมว่า ภายในพื้นที่ บริษัท เซ็ตเมทอลฯ ที่มี จันจิรา สุขสถิต และ หยูลี่หยาง จดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัทฯ มีการแบ่งโกดังรวม 7 หลัง ทั้งส่วนที่มีใบอนุญาตโรงงานและส่วนที่ไม่พบใบอนุญาต ขณะเข้าตรวจสอบ พบว่ามีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังเดินเครื่องรีไซเคิลสายไฟ ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งระงับกิจการชั่วคราว และพบเศษสายไฟ ชิ้นส่วนระบบไฟฟ้ารถยนต์ เศษโลหะปนเปื้อนขยะอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ทั้งหมดเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย รวมกว่า 8 พันตัน ถือเป็นการครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีข้อมูลด้วยว่ามีรถบรรทุกขนย้ายเศษอิเล็กทรอนิกส์เข้า-ออกโรงงานเฉลี่ยเดือนละกว่า 230 คัน
“ตามลักษณะถือเป็นนิคมศูนย์เหรียญอย่างชัดเจน มีการแบ่งพื้นที่ให้เอกชน 7 ราย ซึ่งเป็นชาวจีนและชาวไต้หวัน เช่าประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งดำเนินคดีในข้อหาประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต การขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมให้มีการยึดอายัดของกลางทั้งหมดไว้” ฐิติภัสร์กล่าว
บริษัท เซ็ตเมทอลฯ มีการเช่าพื้นที่ของ บริษัท พีทีเอส โกลเด้น เมทัล จำกัด ที่ไม่ได้มีการประกอบกิจการแล้ว จัดแบ่งเป็น 2 ส่วน ให้ชาวจีน 2 บริษัทเช่าช่วงเพื่อประกอบกิจการคัดแยกเศษโลหะ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้รับอนุญาต ได้แก่ เศษโลหะ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า เศษสายไฟ และแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย รวมกว่า 8 พันตัน สอจ.ปราจีนบุรี มีคำสั่งให้บริษัทฯ ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนในส่วนขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำการยึดอายัดเครื่องจักร วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และกากของเสียไว้ทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีข้อหาตั้งประกอบกิจการและครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และเนื่องจากทั้ง 2 พื้นที่มีการครอบครองวัตถุอันตรายเกิน 50 ตัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ที่จะนำส่งไปให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อพิจารณาต่อไป
“ขณะนี้ทีมสุดซอยได้สรุปข้อมูลการพิจารณาทบทวนการออกใบอนุญาตโรงงานประเภทรีไซเคิลที่อาจจะมีมากเกินความจำเป็น และเพื่อเป็นการกำจัดและป้องกันการสร้างอาณาจักรศูนย์เหรียญที่ส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพกับชุมชนและประเทศไทย” ฐิติภัสร์กล่าว