หากย้อนกลับไปในอดีตเวลาพูดถึง ‘บ้านที่ดี’ หลายคนอาจนึกถึงบ้านหลังใหญ่ ดีไซน์สวยเฉียบ อยู่ในทำเลดี มั่นคงหรูหรา แต่สำหรับยุคนี้ ความหรูหราเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ บ้านที่ดีควรจะเป็นพื้นที่ที่เข้าใจและอยู่กับเราได้ในทุกช่วงชีวิต ตั้งแต่เช้าจนเข้านอน ตั้งแต่วัยทำงานจนถึงวัยเกษียณ หรือแม้แต่ในวันที่เราเจอเรื่องหนักๆ อยากหยุดพักใจ The Greatest Home หรือ ‘บ้านที่ดีจริงๆ’ จึงควรตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งาน ความเป็นส่วนตัว ไปจนถึงความใกล้ชิดธรรมชาติ และการดูแลสุขภาพใจของคนในบ้านด้วย
บ้านยุคใหม่ ต้องตอบโจทย์มากกว่าแค่การอยู่อาศัย และพร้อมให้ทุกช่วงชีวิตเติบโตไปด้วยกัน
คนรุ่นใหม่ไม่ได้มองบ้านแค่เป็นที่อยู่ แต่คือที่ทำงาน ที่พักผ่อน ที่เลี้ยงลูก ที่ดูแลพ่อแม่ ที่ปลูกต้นไม้ หรือที่เติมพลังใจ บ้านจึงต้องยืดหยุ่นและต้องคิดเผื่อหลายบทบาทของชีวิต นี่คือเหตุผลที่หลายแบรนด์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญกับ ‘ประสบการณ์การใช้ชีวิตในบ้าน’ มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือบ้านเดี่ยวจาก AP Thailand ที่พัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Thoughtful Living โดยมี 3 แนวคิดหลักเป็นตัวตั้งต้นในการออกแบบบ้าน ได้แก่
- Human Centered: บ้านที่คิดถึงคนอยู่เป็นหลัก ใช้งานได้จริง เข้าถึงได้ในทุกวัย
- Future Living Experience: บ้านที่พร้อมรับมือกับอนาคต ทั้งเทคโนโลยี และพร้อมให้ทุกช่วงชีวิตเติบโตไปด้วยกัน
- Sustainable Wellness: บ้านที่อยู่แล้วดีต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสิ่งแวดล้อม
ถอดรหัส The Greatest Home จากบ้านของ AP
แนวคิด Thoughtful Living ไม่ได้อยู่แค่บนกระดาษ แต่ถ่ายทอดเป็นดีไซน์จริงในโครงการต่าง ๆ ของบ้านเดี่ยว AP ลองมาดูกันว่าแต่ละโครงการ ‘คิดเผื่อ’ ชีวิตคุณไว้แค่ไหน
THE PALAZZO ศิลปะแห่งความหรูหราที่สง่างามไม่สิ้นสุด ผสานความสบายที่ออกแบบมาเพื่อทุกช่วงเวลาของชีวิต
โครงการบ้านหรูระดับ Flagship ที่ผสานสถาปัตยกรรมแบบ Beaux Arts ผสานเข้ากับพื้นที่สีเขียวและระบบที่ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้น ไม่ใช่แค่สวย แต่ใช้ชีวิตได้จริง โดยจุดเด่นของ THE PALAZZO คือ
- Multigenerational Living ออกแบบให้อยู่ร่วมกันได้หลายเจเนอเรชันตามบริบทสังคมไทย มีห้องนอนชั้นล่าง รองรับผู้สูงอายุ
- มีระบบ Home Automation ควบคุมไฟ แอร์ ผ้าม่าน ได้ผ่านสมาร์ตโฟน
- ออกแบบพื้นที่โดยใช้หลัก ‘Majesty Space’ เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย
- ใช้หลัก Biophilic ในการเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธรรมชาติ เน้นการใช้แสงธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว เปิดรับอากาศบริสุทธิ์ เพื่อให้เกิดความผ่อนคลายและความเป็นอยู่ที่ดี
- จัด zoning ภายในบ้านเพื่อให้สมาชิกแต่ละคนมีพื้นที่ส่วนตัวอย่างชัดเจน
บ้านกลางกรุง โครงการบ้านเดี่ยว Vertical Estate Living ที่เข้าใจชีวิต
อีกหนึ่งตัวอย่างของการออกแบบที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวยุคใหม่คือ โครงการบ้านกลางกรุง ที่เน้นทำเลในเมือง และผสมผสานความสงบกับความสะดวกสบายไว้อย่างลงตัว โดยสิ่งที่บ้านกลางกรุงทำ คือ
- ฟังก์ชันในบ้านปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ เช่น ห้องทำงานที่กลายเป็นห้องเด็ก หรือมุมทำงานแบบ Hybrid
- ออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับการอยู่ร่วมกันของทุกวัย ไม่ต้องทุบ ไม่ต้องปรับใหญ่ในอนาคต
- ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดูแลรักษาง่าย
- มี Pocket Garden หรือสวนเล็กๆ กระจายตามมุมบ้าน ช่วยสร้างความสดชื่นและผ่อนคลาย
- มีพื้นที่กลางแจ้งให้ทำกิจกรรม เช่น ลานโยคะ ลานเดินเล่นในโครงการ
- ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Smart Security ทำให้รู้สึกอุ่นใจ แม้ในบ้านที่อยู่ใจกลางเมือง
จะเห็นได้ว่าบ้านของทั้ง 2 โครงการ เน้นไปที่การออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต พร้อมที่เติบโตไปกับผู้อยู่อาศัย ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะชอบบ้านสไตล์ไหนหรืออยู่ในช่วงชีวิตแบบใด บ้านที่ดีควรเป็นพื้นที่ที่ให้คุณได้ ‘หายใจเต็มปอด’ และเป็นเวทีให้คุณใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด ‘The Greatest Home’ จึงไม่ใช่บ้านที่ดูดีในสายตาคนอื่น แต่คือบ้านที่เข้าใจเรา ใช้ชีวิตด้วยแล้วไม่เหนื่อย และพาให้คนในบ้านเติบโตไปพร้อมกันในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะผ่านดีไซน์ ฟังก์ชัน หรือแนวคิดการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน
เพราะบ้านที่ดีไม่ควรหยุดอยู่แค่คำว่าหรูหรา…แต่ควรเป็นพื้นที่ที่ ‘ดีพอ’ สำหรับการ
ใช้ชีวิตของทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://apth.ly/j8ww
ภาพ: AP Thailand