×

เปิดเบื้องลึก คิงเพาเวอร์ฯ ส่งหนังสือถึง AOT ขอปรับสัญญา Duty Free จำนวน 3 สัญญา อ้างเงื่อนไขไม่ยุติธรรม บอร์ด AOT นัดถกทางออก 16 มิ.ย. นี้

14.06.2025
  • LOADING...

จากกรณีที่มีกระแสข่าวสะพัด ว่า บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้ทำหนังสือถึง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขอหารือแนวทางยกเลิกสัญญาร้านสินค้าปลอดอากร (Duty Free) ใน 3 ท่าอากาศยานในภูมิภาค ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ซึ่ง บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้รับสัญญาประกอบกิจการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2576

 

โดยบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ให้เหตุผลว่า นับตั้งแต่จากสถานการณ์โควิด-19 AOT ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนที่จัดเก็บกับ คิงเพาเวอร์สูงขึ้น แม้ว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 ยังคงไม่คลี่คลาย อีกทั้งมีเหตุสงครามในหลายภูมิภาค สงครามการค้า และการกีดกันทางการค้า กำแพงภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งผู้โดยสารจีนที่มีกำลังซื้อสูงลดลง ทำให้ยอดขายลดลง

 

ล่าสุดปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า ยอมรับว่า เมื่อช่วงต้นมิถุนายน บริษัทฯ ได้รับหนังสือที่ส่งมาจากบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ที่ส่งมาเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจริง ซึ่งในหนังสือเป็นการขอเจรจาปรับสัญญาร้านสินค้าปลอดอากร (Duty Free) จำนวน 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, สัญญาท่าอากาศยานดอนเมือง และอีกหนึ่งสัญญาเป็นสัญญา Duty Free ภูมิภาคในพื้นที่ท่าอากาศยานในภูมิภาค ได้แก่ ภูเก็ตกับเชียงใหม่ ซึ่งรายละเอียดในสัญญาส่วนใหญ่มีรายละเอียดที่คล้ายกันในทุกสัญญา แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการระบุถึงการขอยกเลิกสัญญา Duty Free ตามที่กระแสข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้

 

โดยเนื้อหลักในหนังสือที่บริษัท คิงเพาเวอร์ฯ มีการชี้แจงอธิบายถึงเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากสัญญาเดิมทั้งหมดได้มีการทำสัญญาไว้ตั้งแต่ในช่วงก่อนที่มีโควิดระบาด ด้วยข้อมูลที่มีสถานการณ์บริบทเศรษฐกิจและธุรกิจอยู่ในภาวะปกติ ซึ่งหลังการระบาด ส่งผลให้มีสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่มีการทำสัญญาจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแรก ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา AOT มีการดำเนินการพิจารณาแก้สัญญา Duty Free คิงเพาเวอร์ฯ ไปแล้วจำนวนหลายครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ปวีณา จริยฐิติพงศ์

ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT

 

คิงเพาเวอร์ฯ อ้างสัญญา Duty Free ของ AOT ไม่เป็นธรรม

 

“ในประเด็นการแก้ไขที่เกี่ยวข้องตัวเลขผลตอบแทนที่คิงเพาเวอร์ฯ ต้องจ่ายกับ AOT นั้น ช่วงที่ผ่านมามีการแก้ไขไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง โดยการแก้สัญญาในแต่ละครั้งไปกระทบเงื่อนไขเดิมในสัญญาที่กำหนดจ่ายผลตอบแทนให้กับ AOT ในรูปแบบของส่วนแบ่งรายได้แบบ Minimum Guarantee เปลี่ยนมาเป็นการจ่ายตามจำนวนผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ (Sharing per Head) ซึ่งก็เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด -19 จนทำให้มีการประกาศปิดน่านฟ้า เป็นเหตุให้ผู้โดยสารเดินทางไม่ได้ ซึ่ง AOT ได้ออกมาตรการช่วยเหลือในทุกสัญญาธุรกิจกับคู่ค้าทั้งหมดทุกรายไม่ใช่เฉพาะคิงเพาเวอร์ฯ เป็นตามนโยบายของรัฐบาลในตอนนั้น”

 

อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงแล้ว AOT ได้ยกเลิกมาตรการช่วยเหลือคู่ค้าทั้งหมด โดย AOT ในฐานะผู้ประกอบการในเชิงพาณิชย์ก็จะต้องดำเนินนโยบายในการดำเนินธุรกิจต่อไปปกติ

 

“หากคู่สัญญาไม่พอใจกับสัญญาเดิม ในหลักการคงต้องมาหารือกันในบริบทต่างๆ ซึ่งในหนังสือของคิงเพาเวอร์ก็ชี้แจงถึงสถานการณ์ต่างๆ เช่น โควิด, การที่ AOT ขอคืนพื้นที่บางส่วนจากคิงเพาเวอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ไพรม์หรือขายสินค้าดี นำไปพัฒนาพื้นที่รองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

 

รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลที่ให้ยกเลิก Duty Free ขาเข้าประเทศด้วย รวมทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอตัว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่มาประเทศไทย ซึ่งหลายส่วนมาประกอบกัน ทำให้คิงเพาเวอร์มองว่าสัญญาเดิมไม่เป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาการสัญญาผลตอบแทนเกิดจากประสงค์ของฝั่ง AOT ทุกครั้ง”

 

ปวีณา กล่าวต่อว่า ในหนังสือที่คิงเพาเวอร์ส่งมา ยังได้ระบุต่ออีกว่า ต้องการขอให้ AOT แจ้งความชัดเจนตอบกลับมากับคิงเพาเวอร์ภายใน 45 วัน หลัง AOT ได้รับหนังสือ อีกทั้งในระหว่างการรอความชัดเจนจาก AOT ดังกล่าว คิงเพาเวอร์ฯ จะขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการจ่ายผลตอบแทนจาก Duty Free ให้กับคิงเพาเวอร์จากปัจจุบันที่จ่ายในรูปแบบ Minimum Guarantee ในสัดส่วน 33-34% ของรายได้จาก Duty Free ของคิงเพาเวอร์ ไปเป็นรูปแบบ Sharing per Head ซึ่งจะมีสัดส่วนลดลงเหลือประมาณ 20% รายได้จาก Duty Free ของคิงเพาเวอร์ กลับไปคล้ายกับในช่วงที่มีมาตรการช่วยเหลือในช่วงโควิดแพร่ระบาด

 

“ปกติ AOT จะเลือกเก็บรายได้คิงเพาเวอร์ฯ จากทั้งรูปแบบ Minimum Guarantee หรือ Sharing per Head ตัวใดตัวหนึ่งที่ได้รายได้ที่สูงกว่า แต่กรณีที่กำลังเกิดขึ้น คิงเพาเวอร์จะเลือกจ่ายแบบ Sharing per Head ได้หรือไม่นั้นคงต้องไปดูสัญญา และ AOT ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วย ซึ่งดูเป็นรายกรณี ตอนนี้คิงเพาเวอร์ฯ มีสัญญาธุรกิจกับ AOT รวมจำนวน 14 สัญญา จากสัญญาทั้งหมดที่ AOT มีสัญญากับคู่ค้าทุกรายรวมประมาณ 800 สัญญา”

 

AOT จ่อตั้งที่ปรึกษาคนกลางหาทางออกสัญญา Duty Free -ของคิงเพาเวอร์

 

หลังคิงเพาเวอร์ฯ ได้ส่งหนังสือขอเจรจาปรับสัญญา Duty Free มายัง AOT ประธานคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) AOT ได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากสัญญา Duty Free ที่ AOT ทำกับคิงเพาเวอร์ฯ เป็นสัญญาขนาดใหญ่ ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ประมาณกว่า 10% ของรายได้รวมของ AOT ทั้งหมด โดยจะมีการนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาในประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมบอร์ดในวันที่ 16 มิถุนายนนี้

 

สำหรับแนวทางการในการแก้ปัญหาเบื้องต้นจะมีการนำข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นเสนอต่อบอร์ดให้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่มีความเป็นกลาง มาจากภายนอกหรือสถาบันที่มีความเชื่อถือ เพื่อศึกษาสัญญา Duty Free กับคิงเพาเวอร์ฯ รวมถึงรับฟังความเห็นจากบอร์ดเพิ่มเติมว่าจะมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพิ่มเติมเพื่อให้ฝ่ายบริหารของ AOT ไปดำเนินการต่อในประเด็นนี้

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน AOT มีแนวคิดที่จะจ้างที่ปรึกษาจำนวน 2 ราย จากปัจจุบันที่มีการศึกษาพิจารณาที่ปรึกษาที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยทำการศึกษาและวิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาสัญญา Duty Free กับคิงเพาเวอร์ฯ ดังกล่าว ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงทั้งสภาพของสัญญาในอนาคตควรมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากบอร์ดเห็นชอบคาดว่าจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษา และเร่งดำเนินการทำผลศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 60 วัน เพื่อหาทางออกที่มีความเหมาะสมเป็นธรรม และ AOT ต้องไม่เสียประโยชน์

 

คิงเพาเวอร์ฯ รอ AOT ตอบกลับ หลังรับหนังสือขอเจรจาปรับสัญญา Duty Free

 

ด้านนิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า หนังสือที่ คิงเพาเวอร์ ส่งไปขอเจรจาขอปรับสัญญา Duty Free กับ AOT นั้นเป็นการส่งไปก่อนที่ตนเองจะเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารของ คิงเพาเวอร์ฯ ดังนั้น ลำดับขั้นตอนจากนี้ คิงเพาเวอร์ฯ จะรอการตอบกลับจากฝ่ายของ AOT ก่อน จึงจะมีการพิจารณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป

 

ทั้งนี้ นิตินัย ศิริสมรรถการ เป็นอดีตผู้อำนวยการใหญ่ ของ AOT ที่เคยดำรงตำแหน่งในระหว่างปี 2562-2566

 

นิตินัย ศิริสมรรถการ

นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงเพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

 

ล่าสุดวันนี้ (14 มิถุนายน) AOT ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณี บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ได้มีหนังสือถึง AOT เรื่อง สัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยจากหนังสือดังกล่าว ทางฝ่ายบริหารของ AOT จะนำแนวทางการแก้ปัญหาเข้าหารือกับคณะกรรมการ AOT ในการประชุมคณะกรรมการ AOT ในวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2568 นี้

 

โดยเบื้องต้น ฝ่ายบริหารจะตั้งคณะกรรมการวิเคราะห์แนวทางเพื่อเจรจา และจ้างที่ปรึกษาที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT ให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินการและบริบททางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเพื่อความเป็นกลางในการวิเคราะห์สัญญา

 

โดยคาดว่าจะได้ผลการศึกษาภายในระยะเวลา 60 วัน และเสนอคณะกรรมการ AOT พิจารณาให้ข้อคิดเห็นและปรับปรุงแนวทางให้ดีขึ้นและเป็นประโยชน์กับ AOT อย่างไรก็ตาม AOT ขอยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการผู้โดยสาร และ KPD ยังคงประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานของ AOT ตามปกติ

 

AOT มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจท่าอากาศยานภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งยึดมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการ นักลงทุนและเศรษฐกิจของชาติ พร้อมรักษาภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศระดับโลกต่อไป

 

AOT ออกแถลงการณ์

AOT ออกแถลงการณ์ชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ปัญหากรณีที่ คิง เพาเวอร์ฯ ขอแก้สัญญา Duty Free

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising