“สวัสดีครับ” วิล.ไอ.แอมเอ่ยขึ้นทันทีที่รู้ว่าผมเป็นคนไทย
“แว่นสวยดี” ผมชวนคุย “แว่นคุณก็เท่ระเบิด” เขาตอบกลับ ไม่รู้ว่าทักตามมารยาทหรือเปล่า เพราะผมคิดว่าแว่นเขาเท่กว่าผมเยอะ
เรานั่งอยู่ที่โซนวีไอพีของ Chivas Venture ในงาน TNW Conference (The Next Web Conference) หนึ่งในเทศกาลเทคโนโลยีที่ใหญ่และล้ำที่สุดในโลก ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
วิล.ไอ.แอม ศิลปินฮิปฮอปมาทำอะไรในงานเทคโนโลยี
คำตอบคือเขามาเป็นกรรมการรับเชิญของ Chivas Venture 2018 โครงการที่เฟ้นหาผู้ประกอบการเพื่อสังคมจากทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพหรือผู้ประกอบการแต่ละบริษัทส่งโปรเจกต์ของตัวเองเข้าแข่งขัน ผู้ชนะของแต่ละประเทศจะได้แข่งขันต่อในเวทีระดับโลกเพื่อชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับใช้เป็นทุนพัฒนาโปรเจกต์นั้นให้ยั่งยืนต่อไป
Chivas Venture 2018 จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว แต่ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานรอบชิงชนะเลิศนอกสหรัฐอเมริกา และจับมือกับ TNW Conference โดยมีผู้เข้ารอบทั้งหมด 27 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
วิล.ไอ.แอม กับอเล็กซานเดอร์ ริคาร์ด ประธานและซีอีโอบริษัท เพอร์นอต ริคาร์ด ผู้ผลิตวิสกี้ Chivas Regal
คุณอาจจะคุ้นหน้าและคุ้นหูวิล.ไอ.แอมในฐานะผู้นำวง The Black Eyed Peas และกรรมการ The Voice UK แต่อีกด้านหนึ่งเขาคือ ‘เจ้าพ่อเทคโนโลยี’ และเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคนหนี่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
“คุณเคยพูดว่าดนตรีคือเทคโนโลยี สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร” ผมอุ่นเครื่องด้วยคำถามที่เชื่อมโยงความสนใจทั้งสองอย่างของเขา
วิล.ไอ.แอมนิ่งไปพักหนึ่ง เขาทวนคำถามผมแล้วตอบว่า “ดนตรีคือเทคโนโลยี? ใช่ ถ้าโมซาร์ตมีชีวิตจนถึงวันนี้ แต่ไม่มีเปียโน บางทีเราอาจไม่มีอัจฉริยะทางด้านดนตรีแบบเขาก็ได้ เราชื่นชอบเสียงเพลง เสียงดนตรี แต่เราไม่ค่อยซาบซึ้งกับวิศวกรรมที่สร้างเปียโน แซกโซโฟน หรือกีตาร์ ถ้าโลกนี้ไม่มีวิทยุซึ่งเป็นเครื่องมือกระจายเสียง ดนตรีคงเหมือนคนพิการ รางวัลแกรมมี่ก็มีชื่อเต็มว่า Gramophone Awards ซึ่งเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี้คิดค้นโดย โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกคนเดียวกับที่คิดค้นหลอดไฟ ดังนั้นดนตรีและเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนพี่ชายน้องสาว เหมือนพ่อและแม่ มันสนิทกันมาก”
อย่าให้ความกลัวของคนอื่นกลายมาเป็นความกลัวของคุณ
ความสนใจดนตรีและเทคโนโลยีทำให้เขาก่อตั้ง i.am+ บริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และสินค้าที่ห้อยท้ายด้วยคำว่า ‘อัจฉริยะ’ ต่างๆ เช่น พวกหูฟังไร้สาย นอกจากนี้ยังริเริ่ม i.am.angel Foundation องค์กรเพื่อการกุศลที่ทำงานกับเด็กๆ เรื่องหุ่นยนต์และการศึกษา STEM (Science, Technology, Engineering and Mathematics) เขายังเป็นศิลปินคนแรกที่ได้ร่วมงานกับนาซาในการนำเพลงไปเปิดบนผิวดาวอังคาร!
“คุณอาจรู้จักผมในฐานะนักดนตรี แต่ผมเป็นผู้ประกอบการมานานแล้วครับ แม้กับวง The Black Eyed Peas ผมก็เป็นคนก่อตั้ง แต่งเพลง โปรดิวซ์ คิดคอนเซปต์ สร้างแบรนด์ บริหารจัดการวงตอนออกทัวร์หรือให้สัมภาษณ์สื่อ ผมมีประสบการณ์การทำธุรกิจมานาน เพียงแต่มันเป็นในรูปแบบของวงดนตรี ไม่ใช่การทำบริษัทดั้งเดิมเท่านั้นเอง ซึ่งพอได้จังหวะที่ผมพักการทำเพลง ผมก็หันกลับมาทำธุรกิจแบบทั่วไป ระดมทุน เปิดบริษัท พัฒนาสินค้า เปิดตัวสินค้า ดูแลพนักงาน”
วิล.ไอ.แอม กับอเล็กซานเดอร์ ริคาร์ด ระหว่างการตัดสิน Chivas Venture 2018
เขาเล่าต่อว่าบริษัทของเขามีพนักงานเกือบ 300 คนในหลายแห่งทั่วโลก ตั้งแต่ลอสแอนเจลิส, นิวยอร์ก, เทลอาวีฟ ไปจนถึงประเทศอินเดียและสิงคโปร์ รวมทั้งกำลังจะเปิดอีกแห่งที่สวีเดนเร็วๆ นี้
“บริหารเวลาสิ!” เขาตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อผมถามว่าทำงานเยอะขนาดนี้แล้วคุณมีเวลาส่วนตัวได้อย่างไร “วันหนึ่งคุณทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ดนตรีสอนผมเรื่องการบริหารเวลา มันทำให้ผมมีความคิดสร้างสรรค์และสมาธิ ดังนั้นเวลาคนพูดว่างานหนัก จริงๆ แล้วคุณทำงานแค่ 9 ชั่วโมงต่อวันเอง แล้วอีก 15 ชั่วโมงที่เหลือล่ะ คุณแค่ต้องบริหารเวลาใน 9 ชั่วโมงนั้นให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ”
วิล.ไอ.แอมยังให้คำแนะนำและกำลังใจกับผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือสตาร์ทอัพที่กำลังยากลำบากว่า “2 ปีที่แล้วผมก็เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เมื่อสตาร์ทอัพที่ระดมทุนมาได้ต้องเริ่มหารายได้เพื่ออยู่ได้ด้วยตัวเอง เมื่อธุรกิจยังหาจุดคุ้มทุนไม่ได้อย่างที่หวัง แต่คุณต้องก้าวต่อไป จะให้ผมไล่คนเก่งๆ ในบริษัทผมออกเหรอ ผมต้องทำอย่างไร ต้องล้มเลิกไหม หรือว่าขายบริษัททิ้ง
“แต่ผมก็ไม่ล้มเลิก ไม่ขายทิ้ง ไม่ยอมแพ้ ผมแค่ยังเชื่อในสิ่งที่ทำโดยไม่ตื่นตระหนก ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม มันมักจะมีคนเดินมากระซิบข้างหูคุณว่า ‘เหนื่อยก็เลิกเถอะ’ หรือ ‘คุณบ้าหรือเปล่า’ เหตุผลที่คนเหล่านั้นพูดกับคุณแบบนี้เพราะพวกเขาไม่เคยทำในสิ่งที่คุณทำยังไงล่ะ นั่นคือความกลัว ฉะนั้นอย่าให้ความกลัวของคนอื่นกลายมาเป็นความกลัวของคุณ สักวันหนึ่งคุณต้องมีความกลัวอยู่แล้ว คำถามคือจะจัดการมันยังไง จะเอาความกลัวไว้ข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณต้องกล้าพูดกับความกลัวว่า ‘เฮ้! ฉันต้องการให้แกอยู่ข้างหลังแล้วดันฉันไปข้างหน้า ฉันรู้ว่าแกไม่ไปไหนหรอก แต่อย่ามาผลักฉันถอยหลัง แกต้องดันฉันไปข้างหน้า’ เพราะคนส่วนใหญ่เวลาเจอกับความกลัวมักจะตื่นตระหนก วิ่งหนี แล้วก็ล้มเลิก แบบว่าแม่งโคตรหนักเลย! แต่ผมคิดว่าคุณสามารถใช้ความกลัวนั้นผลักคุณไปข้างหน้าได้”
การมองไปข้างหน้าที่เป็นรูปธรรมที่สุดของวิล.ไอ.แอมคือเขาเชื่อในปัญญาประดิษฐ์ว่ามันคืออนาคตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เขาเคยขึ้นเวที World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้วบอกว่าปัญญาประดิษฐ์จะช่วยกอบกู้โลกในภายภาคหน้าได้
“ผมเชื่อว่า AI (ปัญญาประดิษฐ์) สามารถสร้างงานและเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ บริษัทที่ผมก่อตั้งจึงไม่ได้โฟกัสที่ดนตรี แต่ให้น้ำหนักที่การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ พวกระบบสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Operating System) หรือการนำ Virtual Reality มาใช้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดนตรีให้ก้าวไปข้างหน้า”
ผมกล่าวคำว่า ‘สวัสดี’ กับเขาอีกครั้งเพื่อเป็นการจบการสัมภาษณ์ คราวนี้วิล.ไอ.แอมจับมือแบบอเมริกันแทนการบอกลา บทสนทนาในวันนี้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดหนึ่งที่เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ว่า
“เด็กคนหนึ่งเคยเดินมาบอกว่า ‘ผมอยากทำเพลงแบบคุณ จะได้ออกจากสลัมนี้’ ผมตอบไปว่า ไม่ คุณต้องสร้างเทคโนโลยีแบบผม ไม่ใช่แค่ออกจากสลัม แต่เพื่อเปลี่ยนสลัมนี้ไปตลอดกาล”
บรรยากาศการแข่งขัน Chivas Venture 2018
Photo: Courtesy of Chivas Regal
- ผู้ชนะเลิศในปีนี้คือ เซมัล อีเซล ผู้ก่อตั้งบริษัท Change Please จากประเทศอังกฤษ เขาช่วยเหลือคนไร้บ้านด้วยการฝึกให้เป็นบาริสต้า จุดประสงค์เพื่อให้พวกเขาหาบ้านได้ภายใน 10 วัน ช่วยเปิดบัญชีธนาคารและจ่ายค่าแรงตามอัตราค่าจ้างของลอนดอน เมล็ดกาแฟของ Change Please มาจากฟาร์มที่สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น เสิร์ฟพร้อมแก้วที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ตั้งแต่เริ่มต้นจัดการแข่งขันในปี 2015 สตาร์ทอัพที่ Chivas Venture สนับสนุนได้ขยายธุรกิจออกไปมากกว่า 40 ประเทศ สร้างอิมแพ็กกับคนกว่า 300,000 ชีวิต
- ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.chivas.com/the-venture