ทรัมป์เปิดศึกสหภาพยุโรป (EU) ขู่เก็บภาษี 50% และหากผลิต iPhone นอกสหรัฐฯ ต้องเสียอีก 25% เริ่ม 1 มิ.ย. โดยวานที่ผ่านมาทรัมป์โพสต์ผ่าน Truthsocial ระบุว่า EU ขาดดุลกับสหรัฐฯ จำนวนมาก และยังอ้างว่าการเจรจาการค้าแทบไม่มีความคืบหน้า
“อุปสรรคทางการค้าทั้งค่าเงิน ภาษีมูลค่าเพิ่ม บทลงโทษบริษัทที่ไร้สาระ การจัดการทางการเงิน การฟ้องร้องบริษัทอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผล ส่งผลให้ขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 250,000,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง และการหารือของเรากับพวกเขา (ยุโรป) แทบไม่ได้ผลอะไรเลย!” ทรัมป์กล่าว
ขณะที่ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สกอตต์ เบสเซนต์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox News ว่าการเก็บภาษีนำเข้าจาก EU ในระดับ 50% ถือเป็น “จุดไฟเผาสหภาพยุโรป” พร้อมเสริมอีกว่า หลายประเทศได้เจรจากับสหรัฐฯ ด้วยความจริงใจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 ข้อเสนอที่ขุนคลังสหรัฐฯ เอ่ยปากชมไทย เผยเบื้องหลังกุนซือทีมไทยแลนด์ อัปเดตประเทศไหนเจรจาไปแล้วบ้าง
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ชื่นชมไทย อินโดนีเซีย ไต้หวัน ยื่นข้อเสนอดีเยี่ยม
- ปลัดพลังงาน-ปตท. เยือนสหรัฐฯ ลุยเจรจานำเข้าก๊าซแหล่ง Alaska LNG 3-5 ล้านตันต่อปี
สำหรับภาษีที่ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะเรียกเก็บจากสหภาพยุโรปนั้นสูงกว่าสองเท่าของภาษี 20% จากเดิมที่มีผลบังคับใช้ชั่วคราวในเดือนเมษายน ก่อนที่จะชะลอเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากัน
ทั้งนี้ ตามกรอบเวลาที่ชะลอแต่ละประเทศออกไปจะสิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฎาคม ปัจจุบันมีเพียงข้อตกลงการค้าเพียงข้อตกลงเดียวที่ได้รับการประกาศคือกับสหราชอาณาจักร
นอกจากนี้ ทรัมป์ ได้ออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า Apple จะต้องเสียภาษีนำเข้าสูงถึง 25% หากยังคงขาย iPhone ในสหรัฐอเมริกาจากประเทศอื่น
ทันทีที่มีคำประกาศ หุ้นแอปเปิลร่วงลง 2.5% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด และดึงดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ลงตามไปด้วย การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อนโยบายการค้าที่เข้มงวดของรัฐบาลทรัมป์
ทรัมป์ยังโพสต์อีกว่า “ผมได้แจ้งให้ทิม คุก จาก แอปเปิล ทราบมานานแล้วว่า ผมคาดหวังให้ iPhone ที่จะขายในสหรัฐอเมริกาต้องผลิตและประกอบในสหรัฐฯ ไม่ใช่ในอินเดียหรือที่อื่น”
ทั้งนี้ นโยบายนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังขยายฐานการผลิตในอินเดีย เพื่อลดการพึ่งพาจีนและหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น โดยรายงานเมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า Apple วางแผนให้ iPhone ขายในสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สองซึ่งจะมาจากฐานผลิตอินเดีย
ภาพ: Justin Lane – Pool / Getty Images, gguy44 / Getty Images
อ้างอิง: