ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากพูดถึงชื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ในหมู่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนอาจตอบกลับมาด้วยอาการครึ่งรักครึ่งระอา (กับฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ)
เขาเป็นนักเตะสายเลือดท้องถิ่นที่เติบโตมากับทีมตั้งแต่วัย 5 ขวบ
แต่ในวันที่ยูไนเต็ดกำลังมองหาความเปลี่ยนแปลง แม็คโทมิเนย์กลับเป็นหนึ่งในชื่อแรกๆ ที่ถูกมองว่า ‘ขายได้’
เขาไม่ใช่คนที่มีเทคนิคจัดจ้าน ไม่ใช่นักเตะที่สร้างไฮไลต์ระดับโลก
แต่เขาคือคนที่ทำงานหนักเพื่อทีมอยู่เสมอ ในตำแหน่งที่บางครั้งก็ไม่ชัดเจนว่าคืออะไร
จากเด็กปั้นสู่กองกลางตัวตัดเกม ไปจนถึงกองหลังจำเป็นในทีมชาติสกอตแลนด์
ช่วงซัมเมอร์ปี 2024 เขาตัดสินใจย้ายออกจากบ้านที่เขาอยู่มาเกือบตลอดชีวิตด้วยค่าตัวเพียง 25.7 ล้านปอนด์ ไปยังดินแดนที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นคือเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี สถานที่ที่เป็นดั่งจุดเปลี่ยนสำคัญของดาวเตะวัย 28 ปี
การย้ายครั้งนั้นเดิมทีอาจไม่เคยเกิดขึ้น เพราะนาโปลีเล็งมิดฟิลด์คนอื่นไว้แล้ว และอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเซ็นสัญญา
แต่ดีลดันมาล่มในนาทีสุดท้าย และในชั่วพริบตา แม็คโทมิเนย์ก็กลายเป็นตัวเลือกสำรองที่กลายเป็น ‘ของขวัญ’ กล่องใหญ่ของแฟนบอลในเมืองนี้
เขาย้ายมาท่ามกลางความสงสัยว่าจะปรับตัวได้หรือไม่กับระบบฟุตบอลอิตาลี
ทว่าเขากลายเป็นตัวจริงทันทีในทีมของ อันโตนิโอ คอนเต และไม่นานนักเขาก็เปลี่ยนจาก ‘มิดฟิลด์ตัวรับ’ เป็น ‘มิดฟิลด์ทะลวงไส้’ ผู้เปลี่ยนจังหวะเกมให้ทีม
ในฤดูกาลเดียวกับนาโปลี เขายิงไป 12 ประตูในลีก รวมถึงประตูสุดมหัศจรรย์ที่ยิงใส่กายารีในนัดชี้ชะตาแชมป์
ประตูนั้นไม่เพียงทำให้เขาได้ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของเซเรียอา แต่มันเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นหนึ่งใน ‘ฮีโร่คนใหม่’ ของสโมสรไปทันที
ชาวเมืองเนเปิลส์เรียกเขาว่า ‘McFratm’
มาจากคำว่า McTominay + Fratm (ภาษาท้องถิ่นแปลว่าพี่ชาย)
เขาเป็นคนต่างถิ่นที่พยายามเรียนภาษาอิตาลีอย่างจริงจัง กินมะเขือเทศสดแทนขนม จูบตราสโมสรเมื่อยิงประตู และวิ่งเต็มที่ทุกครั้งที่คอนเตใส่ชื่อลงสนาม
ในสายตาแฟนบอลทั่วไป แม็คโทมิเนย์อาจไม่ได้มีพรสวรรค์ที่สุดในทีม แต่เขามีสิ่งที่แฟนบอลเนเปิลส์รักที่สุด นั่นคือความเสียสละและหัวใจที่ไม่เคยหันหลังให้เกมแม้ยามตกเป็นรอง
หนึ่งในเหตุผลที่เขารุ่งโรจน์กับนาโปลีได้คือระบบของ อันโตนิโอ คอนเต
จากผู้เล่นที่เคยถูกจับเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรับหรือแม้แต่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ วันนี้แม็คโทมิเนย์กลายเป็น ‘ตัวบุก’ ที่วิ่งเติมเข้าเขตโทษบ่อยที่สุดในเซเรียอา
คอนเตเปลี่ยนเขาจาก ‘คนที่เล่นเพื่อคนอื่น’ เป็น ‘คนที่คนอื่นต้องเล่นเพื่อเขา’
เขาเป็นเหมือน อาร์ตูโร วิดัล หรือ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ในยุคที่คุมยูเวนตุส เป็นนักเตะที่มีพลังแฝงและถูกปลดปล่อยมาในจังหวะสำคัญเสมอ
อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นในทีมชุดนี้คือ การปรากฏตัวของคู่หูเกมรุกที่ทรงพลังอย่าง ‘แม็คโทมิเนย์ x ลูกากู’
หากแม็คโทมิเนย์คือพลังจากแดนกลาง, โรเมลู ลูกากู ก็คือจุดหมายปลายทางของพลังนั้น
ทั้งสองคนสร้างเคมีร่วมกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่ทีม โดยแม็คโทมิเนย์จะเน้นเติมเกมจากแผงมิดฟิลด์ได้อย่างดุดัน ส่วนลูกากูก็พร้อมพักบอล ปั่นป่วนแนวรับ และหาจังหวะปิดบัญชีได้เฉียบคม
ฤดูกาล 2024/25 จบลงด้วยผลงานระดับมาสเตอร์พีซของทั้งคู่ โดยลูกากูยิง 14 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ (รวมถึงในโคปปา อิตาเลีย) ขณะที่แม็คโทมิเนย์ยิง 12 และจ่ายอีก 4 รวมกันแล้วพวกเขาสร้างสรรค์เกมรุกให้ทีมถึง 26 ประตู 14 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เยอะต่อการลุ้นแชมป์เซเรียอาของนาโปลีฤดูกาลนี้
นี่ยังไม่นับอีกหลายจังหวะที่พวกเขาประสานงานกันแบบไม่ต้องมองหน้า ลูกากูดึงกองหลังสองคนลงต่ำเพื่อให้แม็คโทมิเนย์สอดเข้ายิง หรือแม็คโทมิเนย์จ่ายบอลทะลุไลน์ให้ลูกากูหลุดเดี่ยว พวกเขาไม่ใช่แค่เล่นได้เข้าขา แต่คือการเติมเต็มกันอย่างสมบูรณ์แบบในระบบของ อันโตนิโอ คอนเต
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นในเกมสำคัญใน ‘นัดปิดฤดูกาล’ ที่นาโปลีต้องชนะเพื่อการันตีแชมป์ ขณะที่อินเตอร์ มิลาน ขึ้นนำก่อนในการแข่งอีกสนาม
แต่แล้วในนาที 42 ของเกมกับกายารี บอลครอสจากมุมขวาลอยเข้าสู่เขตโทษ แม็คโทมิเนย์กระโดดวอลเลย์กลับหลังแบบไม่จับ ลูกบอลพุ่งเสียบตาข่ายเหมือนภาพสโลว์โมชัน
ช็อตนั้นทำสนามดีเอโก มาราโดนา สเตเดียม แทบระเบิด! เสียงเฮลั่นสนาม น้ำตาของแฟนบอลพรั่งพรูออกมาพร้อมกัน
เพราะประตูนั้นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ท้ายที่สุดนาโปลีมาบวกสกอร์เพิ่มจาก ลูกากู จนเป็นฝ่ายชนะ 2-0 และคว้าแชมป์ลีกอิตาลีได้เป็นสมัยที่ 4 ของสโมสร และครั้งแรกของแม็คโทมิเนย์ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในชีวิต
“ผมพูดไม่ออกเลย มันเหลือเชื่อมาก คุณก็รู้ว่าทุกคนในทีมต่างเสียสละเพื่อเป้าหมายนี้กันอย่างเต็มที่
“แฟนบอลสมควรได้รับสิ่งนี้ เพราะพวกเขาอยู่เคียงข้างเรามาตั้งแต่วันแรก และสำหรับผม การได้มาสัมผัสสิ่งนี้คือความฝันที่เป็นจริง” แม็คโทมิเนย์กล่าวหลังจบเกม
จากนักเตะที่ถูกมองข้าม จากคนที่แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมขายเพราะ ‘ไม่อยู่ในแผน’
สู่ฮีโร่ที่มีแท่นบูชาในโบสถ์แห่งหนึ่งในเนเปิลส์ มีร้านพิซซ่าตั้งธงสกอตแลนด์พร้อมข้อความว่า ‘Napoli. McTominay. Pizza. In that order.’
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาชนะใจแฟนบอลอย่างเดียว
แต่เขาพิสูจน์ให้เห็นว่านักเตะธรรมดาคนหนึ่ง หากอยู่ในทีมที่ใช่ ระบบที่เหมาะสม และเมืองที่โอบรับเขาด้วยหัวใจ
เขาสามารถแปรพลังทั้งหมดให้กลายเป็นผลงาน และสร้างชื่อให้กลายเป็นฮีโร่ของสโมสร
และนี่คือเรื่องราวของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
จากคนที่โอลด์แทรฟฟอร์ดไม่ต้องการ สู่ผู้เขียนตำนานบทใหม่ที่เมืองเนเปิลส์ในสีเสื้อนาโปลี
อ้างอิง:
- https://www.beinsports.com/en-us/soccer/serie-a/articles-video/scott-mctominay-from-manchester-united-flop-to-mvp-and-champion-with-napoli-2025-05-23
- https://www.theguardian.com/football/2025/may/23/napoli-win-serie-a-title-scott-mctominay-stunner-cagliari-inter
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/c8e61d656w5o