วันนี้ (21 พฤษภาคม) ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า ขอยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (1) มีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครอง หรือได้มาซึ่งอำนาจการปกครองไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย
ณฐพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้ยื่นต่ออัยการสูงสุดไปแล้ว และมาตรา 92 (2) เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมายื่นต่อกกต. ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคภูมิใจไทยเข้าองค์ประกอบความผิดตามที่ยื่นหรือไม่
ณฐพรกล่าวว่า สำหรับพยานหลักฐานนั้น โดยหลักแล้วการยื่นยุบพรรคต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการล้มล้างการปกครองก่อน แต่คดีนี้พยานหลักฐานเป็นข้อเท็จจริงเป็นเชิงประจักษ์ ซึ่งมีการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกกต. ว่า มีการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนว่าการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองที่มิชอบและเป็นปฏิปักษ์
“โดยรัฐธรรมนูญออกแบบให้ได้คนดี เด่น ดังมาเป็นวุฒิสภา จึงกำหนดให้ต้องเป็นคนที่มีความรู้ เชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับของสังคม จึงออกแบบให้การเลือกมีความซับซ้อนเพื่อมาทำหน้าที่สำคัญอันหนึ่ง คือการให้ความเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระ เพราะถ้าได้ สว. ที่มาจากฝ่ายการเมือง องค์กรอิสระก็จะได้คนที่ไม่ถูกต้อง ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ และทำให้เกิดความเสื่อมเสีย เสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ณฐพรเผยว่า ที่มาของเอกสารในคดีนี้เป็นหลักฐานทางราชการ ทั้ง DSI ประกอบกับดีเอสไอ และ กกต. ก็ยืนยันว่าการได้มาของ สว. ชุดนี้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 67 เขียนไว้ชัดเจนว่า พรรคการเมืองกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.ก็ถือว่าเป็นความผิด และมาตรา 22 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองก็เขียนลักษณะเดียวกัน ดังนั้น ที่มายื่นวันนี้เพราะมีข้อมูลว่า สว. 138 คน และสำรองอีกประมาณ 40 คน เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงนี้ทำให้มั่นใจว่าในทางการสอบสวนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“อย่าลืมว่า สว. มีหน้าที่แต่งตั้งองค์กรอิสระ แล้วในการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา การให้ความเห็นชอบองค์กรอิสระ ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผ่านการสรรหามาด้วยคะแนนเสียงสูง แต่ สว. กลับไม่ให้ความเห็นชอบ ขณะเดียวกันก็มีการยึดอำนาจการพิจารณาของกรรมาธิการชุดต่างๆ ทำให้การทำงานในส่วนนี้ง่อยเปลี้ยเสียขา กรณีนี้จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยหลักแล้ว สว. ชุดนี้ ควรสำนึกตัวเอง ไม่นำเรื่องการให้ความเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระที่เข้ามาพิจารณาในวันที่ 30 พฤษภาคม ควรรอการพิจารณาของศาล หากตัดสินว่าไม่ผิด ก็จะทำให้การตัดสินของเขาโปร่งใส สง่างาม” ณฐพรกล่าว
ส่วนกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เตรียมฟ้องคนที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียหายนั้น ณฐพรกล่าวว่า
อนุทิน เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาสามาทำงานเพื่อประเทศ ควรรับฟังความเห็น ข้อกล่าวหาของประชาชน ไม่ใช่ว่าเขาจะตรวจสอบแล้วท่านก็จะมาฟ้องร้อง ถ้าจะฟ้องก็ควรรอให้คดียุติก่อน ถ้าเป็นเท็จก็ควรดำเนินการ
“ไม่ใช่ว่าพอเขาจะตรวจสอบก็ไปฟ้องเขา อันนี้เป็นลักษณะของนักเลงหัวไม้มากกว่า การที่คุณอนุทินระบุว่าเรื่องนี้ไร้สาระนั้น ผมมองว่าคุณอนุทินต่างหากที่ไร้สาระ ควรคำนึงถึงบทบาทของตัวเอง เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับใช้ประชาชน สามารถให้ประชาชนตรวจสอบได้ อย่างคดีเขากระโดง ศาลฎีกาตัดสิน คุณยังตะแบงว่าไม่ใช่ แล้วอย่างนี้ประเทศเราจะอยู่แบบไหน” ณฐพรกล่าว
ทั้งนี้ ณฐพรย้ำว่ามีรายชื่อและรายละเอียดทั้งหมดว่าใครเป็นเจ๊ใหญ่ ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รับเงินมาอย่างไร และมีบรรดาหัวหน้าคนในจังหวัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้ สว. เพิ่มจาก 2 คน ก็มีการจ่ายหัวละ 2-7 ล้านบาท เรื่องทุกอย่างที่พูดมา ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนของ DSI และ กกต. โดยข้อมูลเส้นทางการเงิน DSI มีหมด เขาจึงตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ส่วน กกต.ได้ตั้งข้อหาฮั้วเลือก สว.
“สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุด ผมกลัวอยู่ 2 คนที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนไป คนหนึ่งเป็น พลเอก ส. และอีกคนหนึ่งเป็นนาย ส. ที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยมีปัญหา และผมเรียนว่าคงไม่นานเกินรอด้วย ขณะนี้ผมกำลังติดตามข้อมูลอยู่ ถ้าได้เบอร์โทรศัพท์ หรืออะไรต่างๆ มา ผมสัญญาว่าจะแถลงต่อสื่อมวลชนว่า มนุษย์ 2 ตนนี้เป็นใคร แล้วทำอะไร เพราะฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมที่เราได้ร้องๆ ไป มันไม่เป็นผลเพราะเกิดจากคน 2 คนนี้” ณฐพรกล่าว
เมื่อถามว่ารายชื่อ 2 ส. ที่ระบุมามีอำนาจที่จะสั่งการองค์กรอิสระได้ทุกองค์กรเลยหรือไม่ ณฐพรกล่าวสั้นๆ ว่า ใช่ครับ และ 2 ส. ที่กล่าวถึงนั้นเข้ามามีบทบาททางการเมืองตั้งแต่เมื่อไรนั้น ณฐพรกล่าวว่า ตั้งแต่หลังรัฐประหาร