แม้ยอดขายอัลบั้มแบบแผ่นของวงการ K-pop จะชะลอตัวลงจากช่วงพีคในยุคโควิด-19 แต่บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ยังสามารถรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในโมเดลธุรกิจของอุตสาหกรรม K-pop ที่หันมาเน้น ‘ประสบการณ์ชมสด’ ผ่านคอนเสิร์ตและทัวร์รอบโลกมากขึ้น
เมื่อมาดูที่ภาพรวมของ HYBE, SM Entertainment และ YG Entertainment บริษัทใหญ่ของวงการ K-pop รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากรายได้คอนเสิร์ตและการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศิลปิน
ในขณะที่ JYP Entertainment ยังไม่เปิดเผยตัวเลข แต่คาดว่าจะมีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วน HYBE ซึ่งเป็นต้นสังกัดของศิลปินชื่อดังอย่าง BTS และ Seventeen มีรายได้รวมไตรมาสแรกอยู่ที่ 5 แสนล้านวอน (ประมาณ 368 ล้านดอลลาร์) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 2.1 หมื่นล้านวอน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 38.7% และ 50% ตามลำดับ
ส่วน SM Entertainment รายงานรายได้รวม 2.3 แสนล้านวอน เติบโต 5.2% โดยกำไรจากการดำเนินงานทะยานขึ้นถึง 110% อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านวอน และ YG Entertainment จากที่เคยขาดทุนในไตรมาสแรกของปีก่อน สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง มีกำไรจากการดำเนินงาน 9.5 พันล้านวอน และรายได้รวม 1 แสนล้านวอน เพิ่มขึ้น 14.7%
เรียกได้ว่ารายได้ส่วนใหญ่จากการทัวร์คอนเสิร์ตและได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนใหม่ของอุตสาหกรรม K-pop ไปเรียบร้อยแล้ว โดย HYBE มีรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้นกว่า 615% ตามด้วย SM Entertainment ก็ไม่แพ้กัน รายได้จากคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้น 58%
ความสำเร็จของรายได้ทุกค่ายมาจากการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกของหลายๆวง K-Pop เริ่มตั้งแต่ Seventeen จัดคอนเสิร์ตในสหรัฐฯและเอเชีย,ตามด้วย J-Hope สมาชิก BTS กับทัวร์เดี่ยวที่คาดว่าจะดึงดูดแฟนๆ ได้กว่า 450,000 คน รวมถึง TXT ที่ทัวร์ยุโรป ตามด้วยศิลปินจาก SM อย่าง aespa, TVXQ และ NCT 127 ล้วนช่วยขับเคลื่อนรายได้ให้ค่ายเพลงได้ทั้งหมด
ผู้เชี่ยวชาญในวงการ ระบุว่า ยอดขายอัลบั้มที่ลดลงเป็นผลจากตลาดที่กลับเข้าสู่ภาวะสมดุลหลังยุคโควิด-19 จากเดิมแล้วแฟนคลับเคยสนับสนุนศิลปินด้วยการซื้ออัลบั้มจำนวนมาก แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปรับประสบการณ์ดูสดแทนการซื้อของสะสม
โดยเจ้าหน้าที่จากบริษัท K-pop ค่ายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อในวงการมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น ประกอบกับกลุ่มแฟนคลับให้ความสำคัญกับคอนเสิร์ตมากกว่าการถือครองอัลบั้ม ทำให้ศิลปินหลายรายเลือกปล่อยซิงเกิลเพลงหรือมินิอัลบั้มมากขึ้น เพราะรอบการโปรโมตสั้นลงกว่าเดิม
“สุดท้ายแล้วความยั่งยืนของตลาดคอนเสิร์ต K-pop จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบริษัทต่างๆ ลงทุนกับคุณภาพของโชว์อย่างจริงจังเพื่อรักษาฐานแฟนคลับให้ได้ในระยะยาว แทนที่จะไปเน้นขายบัตรราคาสูงหรือของสะสมลิมิเต็ดเป็นหลัก”คิม โดฮอน นักวิจารณ์เพลงป๊อปชื่อดังย้ำ
ภาพ: BTS (방탄소년단) / Facebook
อ้างอิง: