ฤดูกาล 2024/25 กลายเป็นบททดสอบสุดโหดสำหรับทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และท็อตแนม ฮอตสเปอร์
สองยักษ์ใหญ่จากพรีเมียร์ลีกที่ต่างต้องดิ้นรนอยู่ครึ่งล่างของตาราง โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ที่อันดับ 15 ส่วนสเปอร์สตามมาติดๆ ในอันดับ 16 ผลงานที่น่าผิดหวังกลายเป็นเสียงวิจารณ์ที่ดังขึ้นในทุกสัปดาห์ สะท้อนถึงความบอบช้ำที่ทั้ง 2 ทีมกำลังเผชิญ จนหลายคนมองว่าฤดูกาลนี้แทบหมดหวัง
แต่ในขณะที่ผลงานในลีกสร้างบาดแผล เวทียูโรปาลีกกลับกลายเป็นเวทีที่ทั้ง 2 ทีมได้แสดงพลังที่ซ่อนอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดระเบิดฟอร์มถล่มแอธเลติก บิลเบา สกอร์รวม 7-1 ขณะที่สเปอร์สก็จัดการโบโดกลิมต์อย่างเด็ดขาดด้วยสกอร์รวม 5-1 ในเกมรอบรองฯ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมองว่าแชมป์ยูโรปาลีกคือ ‘โทรฟีทองคำ’ ถ้วยเดียวที่เหลือให้ลุ้นในปีนี้ และมันไม่ได้เป็นแค่ถ้วยรางวัลในตู้โชว์ แต่ยังหมายถึง ‘ตั๋วพิเศษ’ ที่จะพาทีมกลับสู่เวทียูฟ่าแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลหน้า แม้พวกเขาต้องจบฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกด้วยอันดับเลขสองหลักก็ตาม
รูเบน อโมริม กุนซือยูไนเต็ด กล่าวหลังผ่านเข้ารอบชิงฯ ว่า “มันยากมากสำหรับสโมสรที่จะพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งเดิมถึง 4 ครั้งในฤดูกาลเดียว เราอาจคิดในมุมนั้นได้”
นี่คือคำพูดที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของทัพปีศาจแดง ก่อนดวลกับสเปอร์สในรอบชิงฯ ทีมที่เคยเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาแล้วถึง 3 ครั้งในฤดูกาลนี้
ฝั่งสเปอร์สเองก็มีเป้าหมายที่ไม่ต่างกัน อันเก ปอสเตโคกลู นายใหญ่ไก่เดือยทองกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “มันจะทำให้หลายคนหงุดหงิดแน่ๆ ใช่ไหม? ใครสนล่ะว่าเรากำลังลำบากในลีก? การเข้าถึงรอบชิงและคว้าแชมป์คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เราทั้งคู่สมควรอยู่ที่นี่แล้ว และผมตั้งตารอเกมนี้มาก”
แม้จะถูกมองว่าเป็นทีมที่เต็มไปด้วยปัญหา แต่ปอสเตโคกลูย้ำว่านี่คือความสำเร็จที่จะเปลี่ยนอนาคตของสเปอร์สได้
“ทำไมเราต้องใส่ใจว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคิดอย่างไร? เรารู้ดีว่าสถานการณ์ของเราเป็นอย่างไร และนี่คือโอกาสสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของสโมสรได้”
ในเชิงสถิติ H2H ก่อนหน้า…สเปอร์สดูมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย โดยชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาแล้ว 3 นัดในฤดูกาลนี้
แต่ Opta ที่คำนวณโดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์กลับวิเคราะห์ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายได้เปรียบเล็กน้อยในนัดชิงฯ รอบนี้ ด้วยโอกาสคว้าแชมป์ 50.7% ขณะที่สเปอร์สอยู่ที่ 49.3% ซึ่งห่างกันไม่มากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นี่จะเป็นเกมที่เต็มไปด้วยเดิมพันมหาศาล ท่ามกลางวิกฤตของผลงานที่ถาโถมใส่ทั้ง 2 สโมสร
แชมป์ยูโรปาลีกจะเป็นสิ่งที่เยียวยาทั้ง 2 ทีมได้อย่างแน่นอน มันคือโอกาสที่จะเปลี่ยนฤดูกาลที่เลวร้าย…ให้กลายเป็นความสำเร็จชิ้นใหญ่
แต่เมื่อเสียงนกหวีดยาวดังขึ้นที่ซานมาเมส จะมีเพียงหนึ่งทีมที่ได้ชูถ้วย…ส่วนอีกทีมจะต้องเผชิญกับความผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้