วันนี้ (8 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชาตรี ลดาลลิตสกุล ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสถาปนิกผู้ออกแบบอาคารรัฐสภา สัปปายะสภาสถาน เป็นตัวแทนผู้ออกแบบรัฐสภา เข้ายื่นหนังสือขอคัดค้านการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบของอาคารรัฐสภา ต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา หลังปรากฏข่าวการของบประมาณปรับปรุงรัฐสภา
ชาตรีเปิดเผยว่า ที่ผ่านมากว่า 10 ปี ผู้ออกแบบรัฐสภาไม่เคยออกมาพูด เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาหลายส่วน แต่จำเป็นต้องขอคัดค้านการของบประมาณเพื่อถมปิดสระมรกตเพื่อสร้างเป็นห้องสมุด และร้านค้าเพื่อบริการประชาชน ซึ่งข้อกล่าวอ้างว่าสระมรกตมีปัญหาน้ำรั่วซึม และน้ำเน่า ยุงชุมนั้น ขอชี้แจงว่า สระมรกตออกแบบมาพร้อมระบบการกรองแบบสระว่ายน้ำ มีระบบเกลือหรือคลอรีน หากดูแลตามปกติวิสัย มีการเปิดระบบให้น้ำไหลเวียนทุกวันตามมาตรฐาน ไม่สามารถเกิดยุงได้อย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องสระรั่วซึม เป็นเรื่องคุณภาพการก่อสร้างควรเป็นความรับผิดชอบของผู้รับเหมาเนื่องจากอยู่ในระยะประกันผลงาน และเพิ่งตรวจรับงานไม่นาน จึงไม่จำเป็นต้องเอาปัญหา ของผู้รับเหมามาเป็นของตัวเอง
ส่วนความคิดที่จะย้ายห้องสมุดจากชั้น 9-10 ลงมาชั้นหนึ่งนั้นนายชาตรี กล่าวว่าไม่สมเหตุสมผล สิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น เนื่องจากห้องสมุดดังกล่าว ใช้งบประมาณ ถึง 100 กว่าล้าน และยังไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ หากต้องการให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย ก็ไม่ควรย้ายมาบริเวณสระมรกต แต่ควรสร้างนอกอาคาร อีกทั้งการที่ใช้พื้นที่สระมรกต ทำห้องสมุด อาจจะกระทบกับโครงสร้างที่ออกแบบไว้ได้ เนื่องจากห้องสมุดมีน้ำหนักมากพอสมควร
สำหรับศาลาแก้วนั้น ชาตรีระบุว่า ได้ออกแบบมาสำหรับงานพิธีสำคัญ แต่ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ซึ่งขณะนี้ยังก่อสร้างอยู่นั้น ไม่ได้อยู่ในแบบ และที่ไม่ได้ติดแอร์ศาลาแก้ว แต่สามารถใช้งานได้จริง เพราะออกแบบให้มีผ้าใบที่เคลือบด้วยอะลูมิเนียม สะท้อนแสงกันความร้อน สามารถเลื่อนติดกระจกปิดกระจกให้ทึบได้ด้วยระบบไฟฟ้า โดยอากาศระหว่างระบบผ้าใบจะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนอีกชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ศาลาแก้วยังตั้งอยู่ในที่โล่ง ลมพัดสะดวก ถูกออกแบบมาให้ลดอุณหภูมิโดยสระน้ำที่อยู่โดยรอบ และงานออกแบบนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพียงแค่เหตุผลการใช้งาน แต่มีเป้าหมายให้เป็นปฏิมากรรมสัญลักษณ์ที่แสดงถึงจิตวิญญาณ ภูมิปัญญาสถาปัตยกรรมไทย และเป็นภาพจำหนึ่งของความเป็นไทยร่วมสมัยให้สังคมสถาปัตยกรรมโลก
“งานออกแบบของเราใช้งบประมาณ 11,000 กว่าล้านบาท แต่เมื่อมีการปรับแบบ อย่าใช้งบประมาณ 12,000 กว่าล้านบาท แต่นอกเหนือจากนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ เราเลย และไม่ได้เห็นด้วยในหลายหลายๆ เรื่อง แต่เป็นโครงการที่อยู่นอกสัญญาหลัก ซึ่งเป็นวิธีที่รัฐสภาทำ” ชาตรีกล่าว