วันนี้ (6 พฤษภาคม) สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานความคืบหน้าล่าสุดของภารกิจค้นหาผู้ติดค้างภายในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พร้อมนำคณะสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบพื้นที่ปฏิบัติการด้านในเพื่อความโปร่งใส
โดยระบุว่าการเปิดพื้นที่และเคลียร์ซากอาคารหลักได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ไม่พบผู้สูญหายเพิ่มเติมในส่วนนี้ และคาดว่าภารกิจทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 วันข้างหน้า
สุริยชัยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เปิดพื้นที่และนำแผ่นคอนกรีต รวมทั้งซากอาคารทั้งหมดภายในตัวอาคารหลักขนาด 40×40 เมตร จนถึงชั้นใต้ดิน ออกมาครบทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือซากอาคารส่วนที่ล้มไปกองอยู่ด้านข้าง ชิดกับอาคารจอดรถ ซึ่งมีความสูงประมาณ 3 เมตร และกว้าง 15-20 เมตร แม้ปริมาณงานส่วนนี้จะไม่มาก แต่ยังคงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการใช้เครื่องจักรหนักอาจเพิ่มน้ำหนักและทำให้พื้นทรุดตัวได้ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วัน จึงจะแล้วเสร็จทั้งหมด
สำหรับการค้นหาผู้ประสบภัยในส่วนของตัวอาคารหลัก ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (5 พฤษภาคม) จนถึงเช้าวันนี้ ไม่พบร่างผู้ประสบภัยที่ติดค้างเพิ่มเติมแต่อย่างใด
“เราได้เปิดพื้นอาคารทั้งหมด ตามที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ได้กล่าวไว้ คือเป็นการพลิกแผ่นดิน พลิกพื้นอาคารออกให้หมด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีผู้ติดค้างอยู่หรือไม่ ซึ่งผลคือไม่พบเพิ่มเติมแล้ว” สุริยชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญยังคงอยู่ที่การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากร่างและชิ้นส่วนอวัยวะที่กู้ภัยได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีจำนวนกว่า 200 ชิ้น ที่ส่งไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อตรวจพิสูจน์ DNA ว่าจะสามารถระบุจำนวนบุคคลได้ทั้งหมดกี่ราย และจะตรงกับข้อมูลผู้สูญหายที่พนักงานสอบสวนแจ้งไว้จำนวน 109 คนหรือไม่
“หากยอดผู้เสียชีวิตที่ยืนยันจาก DNA ไม่ครบตามจำนวนที่แจ้งสูญหาย คงต้องมีการตรวจสอบย้อนกลับไปที่ฐานข้อมูลผู้สูญหายว่ามีความคลาดเคลื่อนอย่างไรบ้าง เพราะในส่วนหน้างาน เราได้เปิดพื้นที่ทั้งหมดแล้วและไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่มเติม” สุริยชัยชี้แจง
สำหรับข้อมูลจากพนักงานสอบสวนที่ระบุว่ายังมีผู้สูญหายที่คาดว่าติดอยู่ในอาคารอีก 13 รายนั้น ยืนยันว่าในตัวอาคารหลักไม่มีแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในซากกองสุดท้ายที่ยังดำเนินการอยู่ ซึ่งเดิมทีมีการค้นหาไปแล้ว แต่เพื่อความชัดเจนและคลายข้อสงสัย เราจะดำเนินการเคลียร์และค้นหาในส่วนนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
สุริยชัยยังกล่าวถึงความซับซ้อนในการยืนยันตัวตนว่า แม้จะมีรายชื่อผู้สูญหายจากพนักงานสอบสวน แต่การยืนยันอัตลักษณ์จากทางนิติเวชยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมด จากข้อมูลที่ว่าพบร่างผู้เสียชีวิต 87 ราย ก็สามารถยืนยันตัวตนและคืนร่างให้ญาติได้เพียง 45 ราย แต่มีการออกใบมรณบัตรจากสำนักงานเขตไปแล้ว 47 ใบ ซึ่งอาจหมายถึงมีกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ ดังนั้น รายชื่อผู้สูญหายที่ยังคงค้างอยู่ จึงยังต้องรอผลการพิสูจน์ที่ชัดเจน
“ข้อเท็จจริงคือถ้าเปิดพื้นที่ทั้งหมดแล้วไม่พบ ก็คือไม่พบ ดังนั้นต้องกลับไปตรวจสอบฐานข้อมูลผู้สูญหาย และเร่งรัดการพิสูจน์ DNA จากชิ้นส่วนที่อยู่ที่นิติเวชเพื่อระบุตัวตนผู้เสียชีวิตต่อไป” สุริยชัยย้ำ