วันนี้ (1 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความเห็นด้วยกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะดำเนินการไต่สวนกรณีการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะให้ความร่วมมือกับศาลอย่างเต็มที่
รังสิมันต์ยืนยันว่า กรณีชั้น 14 มีความชัดเจนว่าเป็นปัญหา จากพยานหลักฐานแวดล้อมและคำให้สัมภาษณ์ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด ทำให้สามารถสรุปได้ว่าเป็นการ ‘แกล้งป่วย’ หรือ ‘ป่วยทิพย์’ ที่การเจ็บป่วยไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เป็นการดำเนินการโดยมี พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลตำรวจ เป็นผู้เอื้อประโยชน์ ทำให้นายทักษิณไม่ต้องรับโทษจำคุกในเรือนจำตามคำพิพากษา
“การไปอยู่โรงพยาบาลชั้น 14 เป็นการไปอยู่แบบทิพย์ เป็นการไปอยู่เท็จ โดยไม่ได้มีสภาพหรือจะถือได้ว่าเป็นการติดคุกจริงๆ ได้เลย” รังสิมันต์กล่าว พร้อมชี้ว่ามีหลักฐานการใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งอาจหมายถึงการสั่งการต่างๆ รวมถึงการอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าพบได้ ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าการติดคุกของนายทักษิณไม่ได้เกิดขึ้นจริง จึงจำเป็นที่ศาลจะต้องใช้กลไกทางกฎหมายตรวจสอบและไต่สวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง
รังสิมันต์ยังแสดงความกังวลต่อความน่าเชื่อถือขององค์กรตรวจสอบอื่นๆ โดยยกตัวอย่างกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบประธาน ป.ป.ช. แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้เห็นว่าแทบไม่เหลือองค์กรใดที่สามารถจัดการกับกรณีชั้น 14 ได้ การที่ศาลเข้ามาไต่สวนเองจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
รังสิมันต์ตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของรัฐบาลว่า หากกรณีชั้น 14 ถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง เหตุใดหน่วยงานต่างๆ เช่น แพทยสภา หรือ ป.ป.ช. จึงไม่ได้รับความร่วมมือในการตรวจสอบก่อนหน้านี้ พร้อมวิจารณ์นายกรัฐมนตรีว่าไม่เคยชี้แจงเรื่องนี้อย่างชัดเจน ทั้งที่เป็นผู้รู้ดีที่สุด และยังตอบโต้การอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง
รังสิมันต์เชื่อมั่นในอำนาจของศาลซึ่งเปรียบเสมือนมีดาบอยู่ในมือ ที่จะสามารถบังคับให้หน่วยงานต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือได้ และหวังว่าศาลจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือน