วันนี้ (4 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ติดค้างใต้ซาก อาคาร สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงจุดที่คาดว่ามีสัญญาณต้องสงสัยได้ เนื่องจากยังคงพบอุปสรรคเป็นเหล็กและโพรงแคบ แม้จะขุดลึกลงไปมาก
โดยเมื่อวานนี้(3 เมษายน)สามารถนำเศษซากปูนออกจากจุดดังกล่าวได้ถึง 20 ตัน ทางผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าซากปรักหักพังทั้งหมดมีน้ำหนักกว่า 40,000 ตัน และการรื้อย้ายอาจต้องใช้เวลา 30-60 วัน เนื่องจากต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการค้นหาผู้ติดค้าง ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
การปฏิบัติงานจะใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ควบคู่กับทีมกู้ภัยกู้ชีพที่เตรียมพร้อมตรวจสอบเมื่อพบสัญญาณต้องสงสัย รวมถึงทีมตำรวจและพิสูจน์หลักฐานเพื่อเก็บชิ้นส่วนต้องสงสัยไปตรวจสอบ
ชัชชาติ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่พบโพรงขนาดใหญ่บริเวณจุด C ด้านขวาหลัง คาดว่าเป็นโถงลิฟต์ และพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 2 ร่าง แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้เนื่องจากมีโครงสร้างทับอยู่ ซึ่งต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพราะโครงสร้างไม่มั่นคง
ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่าทุกคนยังคงมีกำลังใจและปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ แม้จะยังไม่สามารถช่วยเหลือผู้ติดค้างเพิ่มเติมได้ โดยกำลังใจมาจากการที่ทุกคนได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้เข้ามาพูดคุยและแนะนำเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน ซึ่งรูปแบบการทำงานไม่สามารถกำหนดตายตัวได้เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นครั้งแรกของโลก
ส่วนกรณีที่มีภาพการส่งสุนัข K9 เข้าตรวจสอบในช่วงเช้ามืด ชัชชาติชี้แจงว่าเป็นขั้นตอนการทำงานปกติของทีม K9 ที่จะเข้าสำรวจหาสัญญาณชีพหรือผู้เสียชีวิตภายหลังการใช้เครื่องจักรหนัก และจะมีการสลับหมุนเวียนกำลังในการปฏิบัติงาน
ด้านวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่นำเสนอข้อมูลที่อาจสร้างความสับสน หลังมีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์จากประเทศเมียนมาในโซเชียลมีเดียว่าเป็นเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม
ขณะที่ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ทีมจิตแพทย์ได้แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อพูดคุยกับญาติผู้ติดค้าง และมีทีมแพทย์ดูแลผู้บาดเจ็บจากการปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง โดยขณะนี้ญาติมีความเครียดจากข่าวปลอมในโซเชียลมีเดีย และมีความหวังสลับกับผิดหวังเมื่อได้ยินเสียงเครื่องจักรกลับมาทำงานอีกครั้ง