×

ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ถูกพาดพิงครั้งแรก ทีมพิทักษ์ข้อบังคับประท้วงวุ่น บอกปวดหู อภิปรายซ้ำซาก พาดพิงคนนอกรับผิดชอบด้วย

โดย THE STANDARD TEAM
24.03.2025
  • LOADING...
no-confidence-debate-2568-12

วันนี้ (24 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) วาระพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันแรก 

 

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส. กทม. พรรคประชาชน ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำว่า เป็นนายกฯ Gen Y ที่ขึ้นมาบริหารงาน 194 วัน รับตำแหน่งจาก เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคลียร์ทางสะดวกรับมือรับหน้า ในช่วงวิกฤตการจัดตั้งรัฐบาลไว้ให้แล้ว เพื่อให้แพทองธารได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในตระกูลชินวัตรอีกหนึ่งคน เป็น 194 วันที่ประชาชนต้องทนทุกข์ทรมาน ลำบากยากเย็น ไม่มีกิน ไม่มีใช้ ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ไม่เหมือนคำโฆษณาชวนเชื่อเมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งที่เคยเปรยคำโฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนอย่างสวยหรู แต่สุดท้ายเมื่อได้ขึ้นมาบริหารงานกลับล้มไม่เป็นท่า 

 

ณัฐชากล่าวหาแพทองธารว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ ขาดความรู้ ขาดเจตจำนง ในการบริหารราชการแผ่นดินที่ต้องแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน ทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อมั่นของประเทศ จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ทำบ้านเมืองผิดพลาดทั้งด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม จงใจเอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง พวกพ้อง และกลุ่มทุน

 

ณัฐชายกคำกล่าวในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเคยมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ในยุคสมัยนี้มีการบริหารผิดทิศผิดทาง จนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นในนามีสารเคมี ส่วนในน้ำมีหายนะครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังทำลายกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตในทุกแหล่งน้ำของประเทศในการระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งนับเป็นอาชญากรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้เกิดความเสียหาย สูญเสียอาชีพ ทรัพย์สิน ความมั่นคงในชีวิต ตอนนี้ประเมินมูลค่าคร่าวๆ ที่ 26,432 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมมูลค่าทางอ้อมที่กระทบต่อเศรษฐกิจและการขาดดุลการค้า แล้วเราจะให้ลูกหลานคนรุ่นหลังต้องรับชะตากรรมที่น่าอับอายแบบนี้ต่อไปหรือ 

 

“แม้เงินหมื่นที่ท่านนายกรัฐมนตรีแจกออกไปหวังจะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้กลายเป็นอาหารอันโอชะของปลาหมอคางดำกันหมดแล้ว เพราะชาวบ้านหวังจะนำเอาเงินก้อนนี้ไปเป็นทุนต่อยอด แต่ในแหล่งน้ำธรรมชาติทุกสาย กลับมีปลาหมอคางดำแทรกซึมไปทั้งหมด”

 

ณัฐชาย้ำว่า สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่แค่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่คือความเงียบของรัฐบาลที่นิ่งนอนใจและปล่อยให้ประชาชนต้องสู้กับวิกฤตครั้งนี้อยู่เพียงลำพัง พร้อมยกตัวอย่าง กรณีเรือน้ำตาลล่มที่มีการรวมตัวกัน 6 หน่วยงานที่ออกมาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติให้กับชาวบ้านคือ กรมควบคุมมลพิษ กรมประมง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดอยุธยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดอยุธยา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง เพื่อฟ้องร้องหน่วยงานและสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ทั้งหมด นี่คือกรณีเทียบเคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการแก้ปัญหาแทบไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเลย 

 

ณัฐชามองว่าขณะที่กรณีปลาหมอคางดำกลับไม่มีหน่วยงานใดเลยที่จะกล้าออกมาปกป้องทรัพยากรที่มีมูลค่ามหาศาลของประเทศชาติ ไม่มาต่อสู้เคียงข้างพี่น้องประชาชน ทั้งๆ ที่ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งสองนายกรัฐมนตรีต่างรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นถึงความเสียหายที่ส่งผลกระทบในทางเศรษฐกิจและภาระงบประมาณแผ่นดินทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ พร้อมทั้งได้หยิบยกขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ แต่ภายใต้วาระแห่งชาตินี้กลับไม่มีอะไรอยู่เลย แม้แต่ความจริงใจต่อเกษตรกรและอนาคตของประชาชนชาวไทยทุกคน 

 

ณัฐชาชี้ว่า นี่คือสิ่งสะท้อนว่าไม่มีความจริงใจเลย เนื่องจากการแก้ปัญหาเรื่องนี้ดูเหมือนจะเอาจริงเอาจังชั่วครั้ง ชั่วคราว ทำๆ เลิกๆ มาๆ หายๆ จนกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์จากมาตรการต่างๆ ที่ออกมา เพราะความจริงแล้วต้องเริ่มจากการที่รัฐบาลมีความกล้าหาตัวผู้กระทำความผิดให้ได้เป็นอันดับแรก ชดเชยเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วให้เต็มประสิทธิภาพ ใช้หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ทุกกลไกต้องทำงานอย่างเต็มที่ แค่นั้นก็จบ แต่มาถึงวันนี้นายกรัฐมนตรีแพทองธารไม่ทำอะไรเลย 

 

“ท่านกลัวอะไร ทำไมถึงไม่กล้าสั่งให้ตามล่าหาความจริง รื้อเรื่องนี้มาตรวจสอบ หาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน หรือหากท่านเกรงใจ ไม่กล้าทำอะไรที่อาจจะไปกระทบกระทั่งกับกลุ่มทุนผู้ที่ช่วยตั้งไข่รัฐบาลนี้มา ก็ช่วยเห็นใจประชาชน โดยการหยิบเอารายงานของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่พิจารณาเรื่องนี้แล้วมาใช้ ไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถพิเศษใดๆ เพียงแค่นำรายงานเล่มนี้เข้าคณะรัฐมนตรี แล้วสั่งการอ้อมๆได้เลย ซึ่งผู้ที่มีอำนาจเต็มในการสั่งการครั้งนี้คือแพทองธาร 

 

ณัฐชาย้ำว่า ในรายงานผลการศึกษาระบุชัดเจนด้วยพยานหลักฐานทั้งหมดว่าเราพบการขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำมาในราชอาณาจักรไทยเพียงรายเดียว นั่นคือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF พร้อมไล่ไทม์ไลน์เรื่องทั้งหมด หากมันฉลาดถึงขนาดว่ายข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศไทย เพราะคิดว่าพ่อและเพื่อนๆ ของมันบินมาอยู่ที่นี่ แต่มันก็คงจะไม่รู้ถึงขนาดว่ายมาที่ตำบลเดียวกัน อำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน เพราะถ้ามันเก่งขนาดนี้ ฉลาดขนาดนี้ ว่ายมาหาพ่อมันที่มาเป็นสัตว์วิจัยได้พิกัดตรงเป๊ะขนาดนี้ ก็จับมันแกงให้นายกรัฐมนตรีแพทองธารกินไปเลยจะได้ฉลาดและเก่งแบบไอปลาหมอคางดำ

 

ณัฐชายังขอเรียกร้อง 4 ข้อที่รับมาจากชาวบ้าน ดังนี้ 

 

  1. ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบผู้หากระทำความผิด 
  2. กำจัดปลาหมอคางดำให้หมดภายใน 1 ปี 
  3. ประกาศเขตภัยพิบัติทันที 
  4. ให้หน่วยงานรัฐฟ้องผู้กระทำผิดมาชดเชยเยียวยา 

 

ซึ่งไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ไม่ได้เกินความสามารถของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร และน้ำหนักของฟิวเจอร์บอร์ดข้อเรียกร้องนี้ก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากไปกว่าช่อดอกไม้ที่ท่านรับในวันนั้นเลย ทำไมถึงจะมารับไปดำเนินการแก้ไขให้พวกเขาไม่ได้

 

ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายนั้น ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ผู้อภิปรายกล่าวเท็จว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรเลย รับแต่ช่อดอกไม้ ทั้งที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งจะอนุมัติงบประมาณและทำอีกหลายมาตรการ ท่านควรจะเรียบเรียงเรื่องของท่านและขอให้ประธานในที่ประชุมควบคุมเรื่องการใส่ร้ายด้วย

 

ณัฐชาจึงกล่าวย้ำว่า ได้พูดถึงเรื่องงบประมาณแล้ว โดยเปรียบเทียบว่าเหมือนเอาเงินซื้อยาพาราไปรักษาโรคมะเร็ง แต่ผู้ประท้วงไม่ยอมฟังให้จบ ท่านนายกฯ เล่นนอกบทบ้างก็ได้ ที่ผู้กำกับจัดฉากไว้ให้ท่านนายกฯ แฮปปี้เอนดิ้งกับนักธุรกิจประมงพันล้าน แล้วออกมาเผชิญปัญหาในโลกกว้างที่มันกำลังเป็นหายนะ ส่งต่อรุ่นลูกรุ่นหลานของท่านที่วิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้าหน้าทำเนียบ เพราะต่อไปจะไม่มีสัตว์พื้นถิ่นให้ลองลิ้มชิมรส ภาพนี้มองกี่ครั้งก็ช่างบาดตา บาดหัวใจ พี่น้องเกษตรกรไทย อยากจะเรียกผู้กำกับที่เซ็ตละครฉากนี้ให้ท่านนายกฯ มาลงโทษให้ได้

 

จากนั้นณัฐชาได้เปิดคลิปวิดีโอพร้อมระบุว่า นี่เป็นเครื่องยืนยันที่ยิ่งตอกย้ำว่านายกรัฐมนตรีแพทองธารไม่รับรู้ ไม่เหลียวมอง ไม่สนใจไยดีปัญหาของเกษตรกรเลย เพราะนอกทำเนียบที่เดือดระอุ แต่นายกรัฐมนตรีกลับตอบความหวานแหวว สวยงาม ที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล

 

“นี่ใจคอจะไม่รับรู้เลยจริงๆ เหรอว่าประชาชนเขาเจ็บจริงๆ ตายจริงๆ จนจริงๆ อดอยากจริงๆ มันทุกข์ทรมานขนาดไหนในวันเวลาที่ท่านบริหารประเทศนี้อยู่ จึงอยากขอถามว่าความรู้สึกของนายกรัฐมนตรีจากตัวตนจริงๆ ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่

 

“สุดท้ายรัฐบาลเพื่อไทยหัวใจเพื่อใครกันแน่ ทำไมถึงปล่อยให้เสียงกระซิบของนายทุนมันดังสนั่นหวั่นไหวในประเทศนี้ แต่แทบจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องผ่านความเจ็บปวดของพี่น้องประชาชนและเกษตรกรไทยเลย ก็ได้แต่ตั้งคำถามว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยหัวใจคือนายทุนหรือไม่ เพราะแต่ละภาพที่ออกมามีความใกล้ชิดสนิทสนมชิดเชื้อระหว่างครอบครัวและบริษัทที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำกันเสียเหลือเกิน

 

“ผมเองในฐานะผู้แทนประชาชนที่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้ ใช้ทุกกลไกทุกองคาพยพที่สามารถทำได้จนสุดฝีมือ ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำสูงสุดในรัฐบาลนี้ก็มาจากพี่น้องประชาชนเช่นกัน ท่านปล่อยให้ประชาชนที่เป็นฐานเสียงฐานคะแนนของพวกท่านตกอยู่ในความยากลำบากขนาดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงทำได้ลงคอ จิตใจท่านในวันนี้หลังจากได้รับตำแหน่งมันหลงเหลือคำว่าหัวใจคือประชาชนอยู่บ้างหรือเปล่า 

 

“จงจำไว้ว่าการมีอำนาจในวันนี้ ท่านไม่ได้มาจากกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง เพราะใบอนุญาตการเป็นรัฐบาลต้องใช้เสียงสนับสนุนจากประชาชน ท่านอย่ากลัวกลุ่มทุนจะไม่ชวนกินข้าวร่วมโต๊ะ แต่ท่านจงกลัวมือของประชาชนที่จะไม่สนับสนุนท่านต่อในวันที่ท่านหมดอำนาจ”

 

ณัฐชาทิ้งท้ายถึง สส. ว่า ได้โปรดตัดสินใจลงคะแนนด้วยมือที่ประชาชนมอบให้ ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อที่จะหันหน้ามองประชาชนในเขตพื้นที่ท่านได้อย่างภาคภูมิใจ และแสดงเจตจำนงที่เราจะไม่ยอมให้กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่หน้าไหนมากัดกินและกอบโกยเอาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของประเทศชาติ แม้จะเป็นความยากลำบากในการตัดสินใจ 

 

แต่หากทุกท่านในที่นี้กล้าที่จะลงคะแนนไม่ไว้วางใจอย่างเด็ดเดี่ยว กล้าที่จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่ที่ได้มาจากประชาชน กล้าที่จะต่อกรกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่สิงรัฐบาลอยู่ กล้าที่จะต่อสู้กับผู้ควบคุมรัฐบาลนี้ ที่คอยบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ เดินหมากทุกกลไกของประเทศ ใช้อำนาจทุกอย่างอย่างแท้จริง เปรียบเสมือนอยากเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง แต่ทำไม่ได้ เลยต้องใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ ว่า สทร. หรือชื่อแท้จริง คือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญตัวจริง ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้กำกับฉากละคร เรามาจบดีลแลกประเทศนี้ไปพร้อมๆ กันเถอะ 

 

ทั้งนี้ เทอดชาติ ชัยพงษ์ สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง โดยระบุว่า ตนเองทนฟังมานานแล้ว รู้สึกปวดหัว ปวดหู อย่างมาก แต่ก็ให้โอกาสผู้อภิปรายได้อภิปรายในสิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์ แต่หากยังไม่มีเนื้อหามาก ก็จะเป็นการอภิปรายที่วนเวียนซ้ำซาก ขณะเดียวกันยังมีการพาดพิงถึงบุคคลที่อยู่ภายนอกต้องรับผิดชอบด้วย รวมถึงผิดจริยธรรมด้วย

 

ขณะที่ณัฐชาใช้สิทธิพาดพิงว่า หากผู้ประท้วงปวดหูก็เป็นเรื่องของท่าน เพราะสามารถเดินไปฟังในพื้นที่ที่เสียงเบาได้ เราอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ต้องนำความเดือดร้อนของประชาชนมาสะท้อน ส่วนที่ระบุว่าตนเองกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้น ตนเองพร้อมที่จะรับผิดชอบทั้งหมด เพราะมีความเกี่ยวข้องกับรูปคดีด้วย

 

ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ ณัฐชาซักฟอกปัญหาปลาหมอคางดำ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising