วันนี้ (19 มีนาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำโดย พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการ ‘หักปีกหงส์เงินดำ’ ทลายแก๊งหลอกลงทุนออนไลน์ โดยสามารถจับกุมตัว DI WU อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี
ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกคนร้ายใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงสวยติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนจะชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนในกองทุนเงินสิงคโปร์ผ่านแอปพลิเคชัน ‘M-DAQP’ ในช่วงแรกผู้เสียหายสามารถถอนเงินได้จริง แต่เมื่อลงทุนมากขึ้นกลับไม่สามารถถอนได้อีก ผู้เสียหายได้โอนเงินไปทั้งสิ้น 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท แต่ได้คืนมาเพียง 57,900 บาท รวมความเสียหาย 1,442,100 บาท
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ต้องหาสัญชาติไทย 4 คน ซึ่งเป็นบัญชีม้าที่ใช้รับโอนเงินบาทจากผู้เสียหาย และยังมีการเปิดบัญชีม้าคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อแปรสภาพเงินที่ได้จากการหลอกลวงเป็นเหรียญ USDT โดยใช้วิธีการซื้อขายผ่านระบบ P2P บนแพลตฟอร์ม BINANCE โดยโอนเงินบาทเข้าแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย จากนั้นบัญชีม้าจะโอนเหรียญ USDT ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นของ DI WU
จากการตรวจสอบประวัติการรับโอนเหรียญ USDT ของ DI WU พบว่ามีประวัติรับโอนเหรียญ USDT ที่คาดว่าได้มาจากการกระทำความผิดจำนวน 18.4 ล้าน USDT หรือประมาณกว่า 618 ล้านบาท และบัญชีเงินดิจิทัลส่วนตัวของผู้ต้องหาพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 20,000-40,000 USDT ต่อเดือน หรือประมาณ 600,000-1,300,000 บาทต่อเดือน เบื้องต้นพบความเชื่อมโยงของกระเป๋าเงินดิจิทัลของชาวจีนรายนี้กับคดีอื่นๆ ในระบบรับแจ้งความออนไลน์แล้ว 63 เคสไอดี โดยมี 19 เคสไอดีที่มีแผนประทุษกรรมคล้ายกันในลักษณะหลอกให้รักแล้วลงทุน รวมมูลค่าความเสียหาย 20,087,017 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ DI WU และได้ติดตามจนพบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมเดินทางเข้าออกประเทศไทย กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย โดยปัจจุบันเช่าห้องพักพูลวิลล่าหรูในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมได้สำเร็จ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม DI WU ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1840/2568 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2568 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
จากการตรวจค้น พบเอกสารหนังสือเดินทางที่ใช้ลงทะเบียนบัญชีกระเป๋าคริปโตเคอร์เรนซีที่ใช้รับผลประโยชน์จากเงินผู้เสียหาย และเมื่อตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือ พบภาพถ่ายการใช้ชีวิตหรูหราในประเทศกัมพูชา ทั้งการขับรถหรู มีเงินสดจำนวนมาก และภาพการมั่วสุมเสพยา
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าอาจถูกแฟนเก่านำข้อมูลไปเปิดบัญชีคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อฟอกเงินให้กลุ่มมิจฉาชีพในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้งเนื่องจากไปขายสินค้าออนไลน์ประเภทบัตรคอนเสิร์ต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อและอยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับผู้ต้องหาชาวไทย 4 ราย ที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าธนาคารและบัญชีม้าคริปโตเคอร์เรนซี ได้เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีแล้ว 3 ราย ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งขยายผลไปยังทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป