วันนี้ (12 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงานเผยแพร่ยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการลงทุน ในหัวข้อ ‘Ignite Thailand: Invest in Endless Opportunities โอกาสการลงทุนไร้ขีดจำกัดในประเทศไทย’
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ทุกวันนี้การลงทุนของทั่วโลกเป็นสิ่งที่น่าท้าทายการจะเกิดการลงทุนใหม่ๆ ได้ก็เป็นเรื่องน่าท้าทาย การจะหาช่องทางให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ไม่ได้ง่ายเหมือนหลาย 10 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจของเราค่อนข้างที่จะค่อยๆ เติบโต อยากให้เศรษฐกิจของเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็เรายังลงทุนแต่ละอย่างช้าไป จึงพยายามดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาให้มากขึ้น เพื่อที่จะสร้างโอกาสให้กับประเทศ
ในฐานะของผู้นำรัฐบาลก็ต้องพยายามที่จะเปลี่ยนความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกให้เป็นโอกาสของประเทศให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมืออย่างบูรณาการจากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนทั่วโลกทราบว่าประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่น่าลงทุน เป็นประเทศแห่งโอกาส มีพร้อมทั้งคน ทรัพยากร ศักยภาพของประเทศ และตัวบุคคล รัฐบาลต้องสร้างการลงทุนแบบไม่รู้จบ เราต้องเปิดทางให้ทุกคนในโลกเห็นว่าการลงทุนของเรามีความมั่นคง และได้อะไรกลับไปอย่างมากมาย
จีนสนใจร่วมลงทุนแลนด์บริดจ์
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศว่า รัฐผลักดันเรื่องของรถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่เชื่อมภาคใต้เข้าสู่กับศูนย์กลาง การลงทุนในเรื่องของรถไฟสายสีม่วงและสายสีม่วงใต้เชื่อมกรุงเทพชั้นนอกกับกรุงเทพชั้นใน และรถไฟความเร็วสูงในภาคอีสานระยะที่ 2 เชื่อมการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยในระดับภูมิภาค เพิ่มการเชื่อมต่อในการขนส่งสินค้า การเดินทาง และการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันในด้านโลจิสติกส์ รัฐบาลได้เริ่มโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ซึ่งมีมูลค่าลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงเริ่มพัฒนาโครงการเพื่อขยายการใช้งานในท่าอากาศยานให้เพิ่มมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาค
ส่วนโครงการแลนด์บริดจ์เชื่อมต่อทะเลอันดามันและอ่าวไทยนั้นนายกรัฐมนตรีระบุว่า ผู้นำของจีนรวมถึงประเทศอื่นๆ มีความสนใจที่อยากจะมาลงทุน หากเราทำสำเร็จจะทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาค ทุกประเทศเพื่อนบ้านต้องมาผ่านที่เรา จะทำให้เกิดการท่องเที่ยว การค้า อาชีพใหม่ๆ และรายได้ใหม่ๆ
ขณะที่การบริหารจัดการน้ำเป็นสิ่งสำคัญ ปีที่ผ่านมาไทยมีปัญหาอุทกภัย น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม อย่างรุนแรง โดยเฉพาะทางภาคเหนือ ซึ่งในการเยียวยาพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่เราทำได้และเต็มใจทำ แต่จะดีกว่าถ้าประชาชนไม่ต้องผ่านเรื่องราวน้ำท่วม ฉะนั้นรัฐบาลก็ได้วางแผนจัดการในเรื่องของการทำกำแพงกั้นน้ำต่างๆ ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วม
ส่งเด็กไทยเรียนต่อสาขาที่ยังไม่พร้อม
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญในเรื่องการลงทุนของเทคโนโลยีดิจิทัลหรือธุรกิจในอนาคต ทั้ง Semiconductor, Data Center และ Cloud First เพื่อดึงดูดการลงทุนระยะยาว ซึ่งรัฐบาลเห็นว่าการศึกษาของเราในด้านเทคโนโลยียังไม่สมบูรณ์พอ จึงเกิดนโยบาย ODES ให้ทุนนักเรียนไปเรียนในเรื่องของดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ขอเน้นย้ำว่าการให้ทุนต้องเป็นสาขาที่ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมที่มากพอ โดยตั้งเป้าผลิตบุคลากรกว่า 80,000 คน และดึงดูดบุคคลทั่วโลก เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของคนไทย ขณะเดียวกันเพื่อจะดึงดูดนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น ขั้นตอนต่างๆ จะต้องทำให้เป็น One Stop Service ให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มบรรยากาศที่น่าลงทุน
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับภาคของการผลิต ด้านการเกษตร ด้านบริการด้านท่องเที่ยว ด้านการแพทย์ มีแผนจะยกระดับาอุตสาหกรรมกลุ่มเหล่านี้ เช่น ครัวไทยสู่ครัวโลก รวมถึงการโปรโมตการท่องเที่ยว สร้างบรรยากาศให้ต่างชาติได้รู้ว่าสงกรานต์ของเราไม่ได้มีแค่วันที่ 13-15 เมษายน แต่ยังมีช่วงอื่นๆ ที่ประเทศไทยน่าท่องเที่ยวทั้งปี
ไทยทำลายสถิติลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปี
นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า วันนี้ประเทศไทยทำลายสถิติใหม่คือการรับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ามากกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ทำงานอย่างหนัก ทำให้เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ และฝากทุกภาคส่วน หากทำบรรยากาศของประเทศให้เป็นที่ที่น่าลงทุนได้ ก็จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้ มั่นคง และยั่งยืน ต่อไปได้
