วันนี้ (11 มีนาคม) ที่อาคารรัฐสภา คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงกรณีหนังสือโต้แย้งในการแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 โดยระบุว่า มี 3 ข้อบกพร่องที่ทาง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ส่งมา
ข้อแรก ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสิทธิ์ที่จะยับยั้งการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในกรณีนี้ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 178 และข้อ 69 พิจารณาแล้วจะเห็นว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น และการอภิปรายที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเสียหาย และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม สมาชิกผู้นั้นต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้น
ส่วนกรณีที่ผู้นำฝ่ายค้าน อ้างถึงญัตติที่สามารถเอ่ยถึงบุคคลอื่นได้ กรณีนี้จะเป็นการยื่นญัตติเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ แต่กรณีการเปิดขออภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเท่านั้น ถือเป็นคนละเรื่องกัน
ขณะที่ข้อกล่าวหาที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งหนังสือขอให้แก้ไขญัตติเกินกำหนดระยะเวลา 7 วันนั้น จากการยื่นญัตตินั้นพบว่ามีข้อบกพร่อง เพราะได้ตรวจสอบลายมือชื่อในเอกสาร พบว่า ลายมือชื่อของผู้เสนอไม่ตรงกับตัวอย่างที่ให้ไว้กับสำนักงานฯ จำนวน 10 คน จึงได้แจ้งให้กับทางพรรคการเมืองไปแก้ไข จากนั้นประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงได้มอบหมายให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คน เพื่อพิจารณา ซึ่ง พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ได้พบว่าการยื่นญัตติของผู้นำฝ่ายค้าน มีการกำหนดชื่อของบุคคลภายนอกไว้ และบุคคลภายนอกที่กล่าวอ้างถึง ไม่สามารถมาโต้แย้งภายในสภาในประเด็นที่ถูกกล่าวหาได้ จึงไม่สามารถที่จะบรรจุญัตติได้ จากนั้นได้เสนอให้กับประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของระยะเวลา 7 วันทำการ
คัมภีร์กล่าวต่อว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ให้ผู้นำฝ่ายค้านมารับทราบแล้ว ในเงื่อนไขของ 7 วันนั้น ไม่นับรวมวันเสาร์อาทิตย์ วันที่ 7 มีนาคมจึงได้มีการออกหนังสืออย่างเป็นทางการให้กับผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นหนังสือที่โต้กลับว่าไม่เห็นด้วยในกรณีนี้ ซึ่งต้องแก้ไขมาให้ถูกต้อง เพื่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าทุกอย่างพร้อมแล้วกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งนี้ คัมภีร์ยืนยันว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากไม่มีการแก้ไขญัตติ และต้องให้ผู้นำฝ่ายค้านกลับไปแก้ไขมาให้ถูกและจะนับจากวันที่แก้ไขไป 7 วัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะนำเข้าบรรจุในระเบียบวาระการประชุม แล้วแต่ว่าฝ่ายค้านจะยื่นมาวันไหน หากยื่นเกินวันที่ 19 มีนาคมนี้ ก็จะไม่ทันการณ์
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต. อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ให้สำนักงานฯ ไปตรวจสอบ ในอดีตที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก ยืนยันว่าไม่มีการกล่าวถึง แต่จะใช้คำว่าบุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิก ซึ่งจะไม่ระบุชื่อโดยตรงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนในอดีตที่มีการกล่าวถึงบริษัทเอกชนเป็นการกล่าวถึงบุคคลภายนอก ในปี 2529 สส.มีเอกสิทธิ์คุ้มกัน 100 % และจะไปพาดพิงบุคคลภายนอก ก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้ แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน หากบุคคลภายนอกเสียหาย สามารถฟ้องร้องได้ ในฐานะที่เป็นสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบหากมีชื่อของบุคคลภายนอกปรากฏในญัตติและปรากฏต่อสาธารณชน ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นผู้ใช้อำนาจในการอนุญาตเพื่อบรรจุญัตติ จึงเห็นสมควรให้ตัดชื่อของบุคคลภายนอกออกจากญัตติ