×

หุ้นเทคสหรัฐฯ ร่วงหนักสุดตั้งแต่ปี 2022 มูลค่าหายกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

11.03.2025
  • LOADING...

ตลาดหุ้นเทคโนโลยีเผชิญแรงเทขายหนัก ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq 100 ดิ่งลง 3.8% ในวันเดียว มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 34 ล้านล้านบาท ขณะที่ดัชนี Bloomberg Magnificent 7 ซึ่งวัดหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 5.4% และเข้าสู่ภาวะตลาดขาลง (Bear Market) หลังจากปรับตัวลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือนธันวาคมปีก่อน

 

ราคาหุ้น Tesla ร่วงหนักถึง 15% ส่งผลให้ทั้งปีนี้ราคาลดลงไปแล้วถึง 45% ส่วน Nvidia ลดลง 5.1% จนมูลค่าตลาด (Market Cap.) ลดลงไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

 

การดิ่งลงของหุ้นเทคเกิดขึ้นหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกำลังชะลอตัว คำพูดเหล่านี้สวนทางกับคำปราศรัยบนเวทีหาเสียงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่เคยกล่าวว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดต้องเร่งประเมินความเสี่ยงใหม่

 

Michael Bailey ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Fulton Breakefield Broenniman กล่าวว่า “ถึงเวลาขายหุ้นที่เคยชนะตลาด ยอมรับแนวโน้มขาลง และหาที่หลบภัยจากพายุเศรษฐกิจ”

 

ก่อนหน้านี้ หุ้นเทคขนาดใหญ่ครองตลาดด้วยมูลค่าที่พุ่งทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็น Nvidia, Microsoft และ Apple ขณะที่ Amazon และ Alphabet ก็ตามมาติดๆ แม้แต่ Tesla เองก็เคยมีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์

 

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนเริ่มโยกเงินออกจากหุ้นเทคไปสู่หุ้นกลุ่ม Defensive เช่น สาธารณูปโภคและสินค้าอุปโภคบริโภค ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง แต่แรงขายเร่งตัวขึ้นในวันจันทร์ หลังถ้อยแถลงของทรัมป์สร้างความกังวลเพิ่มขึ้น

 

ไม่เพียงแค่หุ้นเทคขนาดใหญ่ หุ้นในกลุ่มที่มีผลประกอบการขาดทุนก็ร่วงแรงถึง 6.6% ในวันเดียว และปรับตัวลดลง 23% ตั้งแต่ต้นปี ทำให้ไตรมาสนี้อาจเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดของตลาดตั้งแต่ปี 2022

 

ทรัมป์ตอบคำถามเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยว่า “ผมไม่อยากทำนายอะไรแบบนี้ แต่นี่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน เพราะสิ่งที่เรากำลังทำมันใหญ่มาก” ขณะที่ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังอยู่ใน “ช่วงดีท็อกซ์” จากการพึ่งพาการใช้จ่ายภาครัฐ

 

ปัจจุบันหุ้น Magnificent 7 ส่วนใหญ่ปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปี เหลือเพียง Meta ที่ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่ Nvidia ติดลบกว่า 10% และ Tesla สูญเสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

 

James Abate ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Centre Asset Management กล่าวสรุปว่า “ก่อนหน้านี้ หุ้นเหล่านี้ถูกตั้งราคาสูงเกินไปจากความคาดหวังที่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้ตลาดกำลังอยู่ในช่วงลดความเสี่ยงครั้งใหญ่”

 

คริปโตร่วงหนักตามหุ้นสหรัฐฯ 

 

ตลาดคริปโตเผชิญแรงขายอย่างหนัก หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงแรง ราคา Bitcoin ร่วงกว่า 3% ในเช้าวันนี้ (11 มีนาคม) ขณะที่ Ethereum ร่วงถึง 6% แตะระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ 1,756 ดอลลาร์ ต่ำสุดนับแต่เดือนตุลาคม 2023 

 

Joshua Lim หัวหน้าฝ่ายตลาดของ FalconX Global กล่าวว่า “ตอนนี้ตลาดไม่มีปัจจัยบวกใหม่มาหนุนราคาคริปโตแล้ว เราจึงต้องเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจมหภาคเพียงอย่างเดียว”  

 

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง ‘Bitcoin Reserve’ หรือกองทุนสำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ และเตรียมสำรองเหรียญคริปโตอื่นๆ อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวอนุญาตให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์พัฒนา “กลยุทธ์การซื้อ Bitcoin ที่ไม่กระทบงบประมาณ” ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจะไม่ซื้อคริปโตเพิ่มจริงๆ  

 

Hayden Hughes หัวหน้าฝ่ายการลงทุนคริปโทฯ ของ Evergreen Growth ให้ความเห็นว่า “ตลาดดูเหมือนจะตอบสนองในทางลบต่อข่าวนี้ แต่ในมุมมองของผม นี่เป็นการตีความเกินจริง และตอนนี้ตลาดอยู่ในภาวะขายมากเกินไป”  

 

หนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากแรงเทขายรอบนี้คือกองทุน ETF ที่ใช้กลยุทธ์ Leverage เพื่อลงทุนในคริปโทฯ โดยเฉพาะกองทุนที่เดิมพันกับหุ้นของ Strategy ชื่อเดิมคือ MicroStrategy ซึ่งถือครอง Bitcoin เป็นจำนวนมาก ร่วงลงมากกว่า 30% ในวันเดียว  

 

ภาพ: DNY59 / Getty Images 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising