ใครจะคิดว่าวันหนึ่งเราจะได้นั่งชมวิวใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยาบนเสื่อทาทามิ และเรือลำนั้นยังเป็นเรือสำราญลำแรกที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นบนแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปล่องเรือชมวิวบน ‘Okura Cruise’ ด้วยกัน เพราะนี่คือประสบการณ์ที่เราไม่อยากให้ทุกคนพลาดจริงๆ
Okura Cruise เป็นของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นอกจากเป็นเรือลำแรกบนแม่น้ำเจ้าพระยาที่เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่น Okura Cruise ยังเป็นเรือสำราญลำแรกบนโลกของเครือโรงแรม ดิ โอกุระ ด้วย โดยแบรนด์เลือกประเทศไทยเป็นที่แรกในการสร้าง ออกแบบ และต่อเรือลำนี้ขึ้นมา ตอนนี้จอดเทียบท่าอยู่ที่เอเชียทีค และเปิดให้จองเป็นรอบๆ เท่านั้น
อาหารญี่ปุ่นที่เสิร์ฟบนเรือมีให้เลือกระหว่างคอร์สเมนูไคเซกิหรือเทปปันยากิ โดยบริเวณท้องเรือของ Okura Cruise จะเป็นห้องอาหารหลักใช้เสิร์ฟเมนูไคเซกิที่เปลี่ยนวัตถุดิบไปตามฤดูกาล ระหว่างมื้อทุกคนสามารถนั่งชมวิวด้านนอกได้อย่างเต็มตาเพราะเรือห้อมล้อมด้วยกระจกใส หรือใครจะลุกออกไปถ่ายรูปชมวิวบริเวณหน้าเรือซึ่งเชื่อมกับห้องอาหารก็ได้
ส่วนท้ายเรือเป็นพื้นที่ของเคาน์เตอร์เทปปันยากิที่มีเพียง 2 ห้อง ห้องละ 8 ที่นั่ง เหมาะกับใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมา และนั่งชิมอาหารร้อนๆ ส่งเสียงซู่ซ่าเสิร์ฟให้เราจากกระทะ ซึ่งจากห้องนี้ก็สามารถชมวิวได้ชัดเจนเช่นกัน
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนสามารถเดินขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าเรือซึ่งเป็นบาร์เสิร์ฟเครื่องดื่มได้ โดยด้านบนนี้จะตกแต่งแบบสวนญี่ปุ่นและสามารถเดินเล่นได้โดยรอบ มุมไฮไลต์ก็คือพื้นที่นั่งตรงกลางซึ่งปูด้วยเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่น พร้อมมีเก้าอี้ไม้และโต๊ะญี่ปุ่นให้ทุกคนนั่งจิบเครื่องดื่มชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางคืนระหว่างหันหัวเรือกลับเทียบท่า
Okura Cruise จะล่องจากท่าเรือเอเชียทีคไปจนถึงสะพานพระราม 8 ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 3 ชั่วโมง (ไป-กลับ) โดยเรือจะเริ่มเดินทางเวลา 19.15-22.15 น. ของทุกวัน สำหรับเมนูไคเซกิ ราคา 4,600++ บาทต่อคน และเทปปันยากิ ราคา 4,900++ บาทต่อคน
แต่ถ้าใครอยากชมวิวพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูปสวยๆ แล้วกลับเทียบท่าเลย เรือก็มีรอบพิเศษที่ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น คือ River of Gold Sunset Journey ราคา 1,400 บาทสุทธิต่อคน (รวมเครื่องดื่ม 1 แก้ว) โดยมีรอบทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.30-18.30 น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.okurabangkok.com/dining/okura-cruise