คริปโต กำลังจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ภายใต้ยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์?
ปี 2024 เป็นอีกหนึ่งปีที่วงการคริปโตต้องเผชิญกับความผันผวนและความท้าทายอย่างหนัก แม้ในช่วงต้นปี ตลาดคริปโตจะดูซบเซาและยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แครชในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า
แต่หลังจากนั้นไม่นาน กระแสของคริปโตก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ตลาดกลับมามีชีวิตชีวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวของ Bitcoin ที่กลับมาทำ New High ได้อีกครั้ง ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการยอมรับคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าในเชิงราคาปัจจุบันจะยังมีความผันผวนเกิดขึ้นในระดับรายวินาทีก็ตาม
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากท่าทีสนับสนุนของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เพียงแต่แสดงออกอย่างชัดเจนถึงขนาดที่ว่า Brian Armstrong CEO แห่งบริษัท Coinbase กล่าวว่าเขาอาจจะเป็น “First Crypto President” หรือประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่สนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผย ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความฮือฮาและความคาดหวังในวงการคริปโตเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้แสดงท่าทีสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่แสดงออกในเชิงนโยบายเท่านั้น แต่ยังมีข่าวลือว่าเขากำลังผลักดันให้ Bitcoin กลายเป็น Strategic Reserve ของสหรัฐอเมริกา นโยบายนี้ได้จุดประกายความสนใจและสร้างความหวังให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่า คริปโตอาจกลายเป็นทรัพย์สินสำรองที่มีมูลค่าในระดับโลก
โดนัลด์ ทรัมป์ กับนโยบายคริปโต
โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอย่างชัดเจน ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมากในตลาด โดยหนึ่งในนโยบายที่ได้รับการจับตามองคือการผลักดันให้สหรัฐอเมริกามี Strategic Reserve ของ Bitcoin ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ นำคริปโตมาเป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศ การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลก แต่ยังอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ หันมาให้ความสนใจและนำคริปโตมาใช้เป็นทรัพย์สินสำรองเช่นกัน
ประเด็นหนึ่งที่น่าจับตามองคือการต่อสู้ระหว่าง Stablecoin และ CBDC ซึ่งมีแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
โดย Stablecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างโดยเอกชนและผูกมูลค่ากับสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยให้มีเสถียรภาพมากขึ้น และสามารถใช้ในการชำระเงินหรือโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำ ซึ่งทรัมป์ได้แสดงจุดยืนสนับสนุน Stablecoin เป็นอย่างมาก
ในทางกลับกัน CBDC เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งทำให้รัฐสามารถควบคุมและติดตามการใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งขัดกับแนวคิดเสรีภาพทางการเงินที่คริปโตพยายามผลักดัน โดยทรัมป์และสหรัฐฯ เอง ก็ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าต่อต้าน CBDC เพราะมองว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพทางการเงินของประชาชนมากเกินไป จึงสนับสนุนให้ใช้ Stablecoin มากกว่า
🟡 การเติบโตของตลาดคริปโตและความท้าทายในปี 2025
จากท่าทีสนับสนุนของทรัมป์ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2025 ตลาดคริปโตจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล การที่ทรัมป์สนับสนุนคริปโตอย่างเปิดเผยอาจทำให้บริษัทคริปโตในสหรัฐฯ กล้า IPO (Initial Public Offering) มากขึ้น เพื่อระดมทุนและขยายกิจการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม
นอกจากนี้ ทรัมป์เองก็พยายามที่จะผลักดัน Stablecoin Bill จะทำให้ Stablecoin เป็นสินทรัพย์ในการชำระเงินได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นแผนการเพื่อที่จะชักจูงให้เหล่าบริษัทเป็นการดึงเอาบริษัทเทคฯ ที่ออก Stablecoin ของตัวเองมา (แต่ไม่ได้จดทะเบียนในสหรัฐฯ) เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องความชัดเจนในกฎระเบียบและนโยบายจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งในอดีตเคยเป็นปัญหาที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและเกิดความผันผวนในตลาดคริปโต การที่ทรัมป์แสดงจุดยืนที่จะทำให้กฎระเบียบมีความชัดเจนมากขึ้น จึงเป็นความหวังของนักลงทุนที่ต้องการเห็นความมั่นคงและเสถียรภาพในตลาดนี้
อนาคตของคริปโตและบทบาทของประเทศไทย
ในระดับโลก การที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์หันมาสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน อาจทำให้ประเทศอื่นๆ ต้องปรับตัวตาม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนำคริปโตมาใช้เป็นทรัพย์สินสำรองของประเทศ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงินโลก
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าจะมีความพยายามในการพัฒนากฎหมายและนโยบายที่สนับสนุนคริปโต แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการสร้างสภาพคล่องและการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยสามารถปรับตัวและนำโอกาสจากกระแสคริปโตที่กำลังมาแรงนี้มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจกลายเป็นศูนย์กลาง Digital Asset Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ไม่ยาก
กล่าวคือ ปี 2025 จะเป็นปีที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับตลาดคริปโต เพราะไม่เพียงแต่จะมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการสนับสนุนของทรัมป์เท่านั้น แต่ยังเป็นปีที่คริปโตต้องเผชิญกับความท้าทายจากกฎระเบียบและนโยบายต่างๆ ที่กำลังจะถูกปรับเปลี่ยนอีกด้วย
หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในคริปโต บทความนี้น่าจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของตลาดในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
เพราะในโลกของคริปโต อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ