วันนี้ (5 มีนาคม) ประวิตร บุญเทียม รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นความคืบหน้าคดีที่ดินเขากระโดงว่า คดีเขากระโดงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เป็นคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยฟ้องกรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดิน โดยอ้างคดีที่กรมที่ดินฟ้องว่าศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยหลายคดี ให้เพิกถอนเอกสิทธิ์ของประชาชนหลายแปลง โดยศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ให้เหตุผลว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตพระราชกฤษฎีกาเวนคืนเพื่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมา บริเวณทางแยกเขากระโดง ในขณะที่เมื่อปี 2462 ทางการรถไฟก็ได้ใช้ประโยชน์ตามแนวพระราชกฤษฎีกานั้นในการทำทางรถไฟเป็นแหล่งลำเลียง
ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่าในการทำประโยชน์เหล่านั้นกรรมสิทธิ์ตกเป็นของกรมรถไฟ ตาม พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ. 2464 ผลก็คือเป็นการหวงห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปยึดถือคดีที่ไปฟ้องศาลยุติธรรม ก็ถูกวินิจฉัยให้เพิกถอน และเมื่อมีแนวคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมเช่นนี้ การรถไฟก็เลยไปร้องต่อกรมที่ดินขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 61 ตรวจสอบและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ต่างๆ แต่ว่ากรมที่ดินไม่ทำ การรถไฟก็เลยมาฟ้องเป็นคดีปกครองตามมาตรา 61 คือให้ตั้งกรรมการตรวจสอบ และเรียกค่าเสียหาย
ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยว่า แม้ในคำพิพากษาศาลฎีกาและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยมาถึงที่ดินแปลงอื่นๆ นอกจากที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ และกรมที่ดินอ้างว่าไม่ได้ผูกพัน แต่ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยว่าสามารถใช้คำพิพากษากับบุคคลภายนอกได้เว้นแต่จะอ้างสิทธิ์ กรมที่ดินจึงมีหน้าที่ตั้งกรรมการสอบสวน ข้ออ้างที่ว่า กรมที่ดินบอกให้การรถไฟไปเอาหนังสือแสดงสิทธิ์มาก่อนจึงจะดำเนินการนั้นรับฟังไม่ได้
ศาลปกครองชั้นต้นจึงพิพากษาว่า กรมที่ดินและอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 61 คือตั้งกรรมการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด โดยมีข้อสังเกตให้การรถไฟร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 ช่วยกันหาแนวเขตให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ เรื่องนี้กรมที่ดินไม่ได้อุทธรณ์ เนื่องจากศาลชั้นต้นให้ดำเนินการ แต่ที่ยกฟ้องคือเรื่องค่าเสียหาย ฝ่ายอุทธรณ์คือ การรถไฟที่อุทธรณ์ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายด้วย ซึ่งคดีนี้ก็ค้างอยู่ในศาลปกครองสูงสุด ในประเด็นที่ว่าการรถไฟสมควรที่จะได้ค่าเสียหายหรือไม่ ส่วนเรื่องตั้งกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 นั้นยุติไปเรียบร้อยแล้ว